มาทำความรู้จักกับนาโนเทคโนโลยี ทำไมต้องเป็นนาโน นาโนคือว่างไร

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ก็ไดรับการพัฒนาขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ก้าวตามให้ทันยุคด้วยค่ะ และจากความเจริญของมันที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องนี้เอง ทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากมายหลายอย่างเกิดขึ้น เพื่อให้ชีวิตประจำวันของคนเราได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยที่มันสามารถเข้ามาเสริมปัจจัยในการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี สามารถทำให้การสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เป็นไปอย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐาน รวมทั้งสามารถผลิตสินค้าหรือช่วยในการให้บริการต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้มากและรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้การผลิตสินค้าต่างๆ ที่ต้องการกำลังการผลิตในจำนวนมากเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้น แต่มีราคาของสินค้าเหล่านั้นถูกลง สินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐานขึ้น นอกจากนั้นเทคโนโลยียังทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้อย่างสะดวก เชื่อมโยงกันได้ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และทำได้ตลอดเวลา ซึ่งพัฒนาการเหล่านี้ ก็ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ
เทคโนโลยีมีการแบ่งแยกออกไปตามสาขาต่างๆ และคุณคงเคยรู้เกี่ยวกับมันมาบ้างแล้วนะคะ ไม่ว่าจะเป็นในด้านสารสนเทศ การแพทย์ ชีวภาพ การศึกษา ฯลฯ และมีอีกสาขาหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจจากคนทั่วไป และหลายคนคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วเหมือนกัน บางคนเคยได้ยินกันบ่อยๆ ด้วยซ้ำไป นั่นก็คือนาโนเทคโนโลยีค่ะ พอมาถึงตรงนี้บางคนก็รู้กันแล้วใช่ไหมคะว่ามันคืออะไร แต่สำหรับคนที่ไม่รู้หรือไม่ได้ให้ความสนใจด้านนี้มาก่อน อาจจะเกิดความสงสัยว่ามันเป็นยังไง แล้วมันคืออะไรล่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาทำความรู้จักกับเจ้านาโนเทคโนโลยีนี่กันดีกว่าค่ะ
นาโนเทคโนโลยี หมายความถึง เทคโนโลยีประยุกต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับ การจัดการ การสร้าง หรือการสังเคราะห์วัสดุอุปกรณ์ในระดับอะตอม หรือโมเลกุลที่มีขนาดเล็กมากค่ะ โดยอยู่ในช่าง 1-100 นาโนเมตร และมันสามารถส่งผลให้วัสดุและอุปกรณ์เหล่านั้น เกิดหน้าที่และคุณสมบัติพิเศษใหม่ๆ ขึ้นมา ทั้งทางด้านกายภาพ เคมีและด้านชีวะภาพ ทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ใช้งานและยังสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อีกด้วยค่ะ มาถึงตรงนี้มีอย่างหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวและทำให้เกิดความสงสัยค่ะ นั้นก็คือคำว่า “นาโน” ทำไมต้องเป็นนาโนเป็นคำอื่นไม่ได้หรือยังไง จนได้มาเห็นที่เขาบอกเอาไว้ว่า นาโนนั้นมีรากศัพท์มาจากคำว่า Nanos ซึ่งเป็นภาษากรีก แปลว่าแคระหรือเล็กค่ะ แต่เมื่อนำมาใช้นำหน้าหน่วยของค่าวัดทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ จะหมายความถึงขนาดเศษหนึ่งส่วนพันล้านส่วนของหน่วยวัดนั้น โอนี่มันเล็กขนาดไหนล่ะเนี่ย คนทั่วไปอย่างเราๆ คงกะไม่ถูกกันหรอกค่ะ เอาเป็นว่ามันเป็นหน่วยที่เล็กมากๆ ค่ะ เล็กขนาดที่ว่ามากจนถึงมากๆ ที่สุดเท่าที่จะเล็กได้ก็แล้วกันนะคะ ส่วนคำว่า “นาโนเมตร” ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ จะมาจากการรวมกันของ นาโน กับ เมตรค่ะ ดังนั้นความหมายของมันก็คือ เศษหนึ่งส่วนพันล้านส่วนของเมตรนั่นเองค่ะ ตอนนี้คุณเห็นภาพความเล็กละเอียดของนาโนกันขึ้นมาอีกระดับบ้างหรือยังคะ ถ้ายังละก็มาว่ากันต่อดีกว่าคะ ขนาด 1 นาโนเมตรนั้นเปรียบเทียบกันเส้นผมของคนเราแล้วจะมีขนาดเล็กกว่า เส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมประมาณ แปดหมื่นถึงหนึ่งแสนเท่า ซึ่งสิ่งที่เล็กที่สุดที่คนเราสามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า จะมีขนาดประมาณ หนึ่งหมื่นนาโนเมตรค่ะ นั่นเราจึงสามารถสรุปได้ว่าเราจะไม่สามารถมองเห็นอะไรก็ตามที่มีขนาดหนึ่งนาโนเมตรนั้น ด้วยตาเปล่าหรอกนะคะ รวมทั้งการใช้กล้องจุลทรรศน์ธรรมดาๆ ที่เราใช้ส่องกันตอนสมัยเรียนก็หมดสิทธิ์ค่ะ ฉะนั้นการที่พวกนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายแหล่ที่ศึกษาเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี จะสามารถมองเห็นมันได้ ก็ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ชนิดพิเศษ ที่สามารถขยายได้สูงมากๆ อย่างกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน หรือกล้องจุลทรรศน์ชนิดใหม่ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานด้านนี้โดยเฉพาะค่ะ
ก็นับว่าเป็นเรื่องที่เราต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจกันอยู่สักหน่อยนะคะ หากมีความสนใจในในเรื่องเกี่ยวกับเจ้านาโนเทคโนโลยีนี้ค่ะ ซึ่งได้มีการจัดแบ่งมันออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกันคือ นาโนเทคโนโลยีชีวภาพ วัสดุนาโน และนาโนอิเล็กทรอนิกส์ค่ะ คราวนี้เรามาดูประโยชน์ของมันกันดีกว่าค่ะ ว่ามันมีประโยชน์ด้านใดบ้าง เริ่มตั้งแต่สามารถเป็นทางเลือกใหม่ที่จะได้ใช้พลังงานในราคาถูก สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีน้ำสะอาดเพียงพอต่อทุกคนบนโลก และทำให้มนุษย์มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีอายุยืนยาวยิ่งกว่าเดิม ในทางเกษตรกรรมยังสามารถช่วยให้มีการผลิตอาหารได้อย่างพอเพียงกับประชากรโลก ส่วนในด้านการติดต่อสื่อสาร ยังช่วยเพิ่มศักยภาพให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างไม่มีขีดจำกัด และการสร้างหุ่นยนต์นาโน ที่สามารถช่วยซ่อมแซมข้อบกพร่องของเซลล์เม็ดเลือดแดง และยังคอยลำลายเซลล์แปลกปลอมต่างๆ สามารถประกอบและทำสำเนาให้ตัวเองได้ และนี่ก็เป็นประโยชน์และคุณสมบัติของนาโนเทคโนโลยีที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ ซึ่งนอกจากนี้แล้ว ยังมีเทคโนโลยีด้านต่างๆ มากมายที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างเนื่อง เราเองก็คงต้องศึกษาหาความรู้กันต่อไป อย่างไม่มีที่สุดสุดเหมือนที่เทคโนโลยีมันก็จะพัฒนาตัวเองได้ไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกันค่ะ