เทคโนโลยี 5G อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือไร้สายความเร็วสูงในยุคอนาคต ได้ใช้กันแน่ในอีก 4 ปีข้างหน้า

หลายคนเห็นหัวเรื่องแล้วอาจมีความสงสัยปนประหลาดใจว่า ประเทศอื่นเค้าไปถึงเทคโนโลยี 5G กันแล้วเหรอ ในประเทศไทยเรายังจัดประมูล 4G กันใหม่อยู่เลย เอาล่ะยังไงเสียเราก็ได้เริ่มมีอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงทั้ง 3G และ 4G ใช้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็น 3G แท้ 4G เทียมก็อาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องไปสนใจมากนัก แค่มีเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตมือถือความเร็วสูงใช้ในชีวิตประจำวันก็ตอบโจทย์ และอำนวยความสะดวกสบายหลายอย่างได้มากมายก็เป็นที่พอใจมากแล้ว

มาถึงเรื่องเทคโนโลยี 5G กัน ก่อนอื่นคงต้องย้อนกลับไปกล่าวถึง 3G และ 4G กันสักหน่อย หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพถึงความแตกต่างระหว่างทั้ง 3 ยุคนั้น เรื่องแรกที่ต้องกล่าวถึงก็คือเรื่องสปีดหรือความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลนั่นเอง หากจะเปรียบเทียบกันแล้ว 5G เทคโนโลยีตัวใหม่ที่กำลังจะมานั้นมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลมากกว่า 4G ถึง 1,000 เท่า เรียกได้ว่าดาวน์โหลด อัพโหลดข้อมูลกันได้อย่างเร็วปรี๊ดกันเลย นักวิศวกรที่กำลังทดสอบการใช้งานของเทคโนโลยีได้เปรียบเทียบออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่า 5G นั้นสามารถดาวน์โหลดหนังที่มีไฟล์ขนาด 8 กิ๊กกะไบท์ ได้โดยใช้เวลา 6 วินาที ซึ่งเร็วกว่า 4G ที่ใช้เวลา 7 นาที และ 3G ที่ใช้เวลาถึงชั่วโมงกว่าๆ แค่คุณสมบัติแรกหลายคนคงจะอยากให้ประเทศไทยเรามี 5G ใช้เร็วๆ กันแล้วใช่ไหม มาดูความสามารถของเจ้า 5G กันต่อว่าสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง 5G นั้นเป็นยุคที่เรียกเป็นศัพท์เทคนิคว่า Internet of things (IoT) หมายถึง โครงสร้างของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าด้วยกันโดยใช้คำสั่งผ่านแอพพลิเคชั่นเดียวก็สามารถสั่งให้อุปกรณ์ต่างๆ ทำงานได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งนอกจากอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่สามารถทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งการอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว 5G ยังเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำการเชื่อมต่อ สื่อสารและสั่งการกันได้เองอีกด้วย อีกทั้งระบบเซนเซอร์ที่มีการพัฒนาขึ้นในยุค 5G จะเป็นวิวัฒนาการที่ล้ำหน้าอย่างที่สุดที่จะได้เห็นกันในยุคนี้ อย่างเช่น ระบบเซนเซอร์กันเองระหว่างยานพาหนะ รถทุกคันที่วิ่งอยู่บนท้องถนนจะมีตัวเซนเซอร์ทำให้ทราบว่าระหว่างทางก่อนจะถึงจุดหมายที่เดินทางไปนั้นมีความหนาแน่นของรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์มากน้อยแค่ไหน เพื่อผู้ขับจะได้วางแผนเส้นทาง และหลบเลี่ยงเส้นทางได้ถูกต้อง หรือการใช้รีโมทคอนโทรลควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในระยะไกลเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของอินเตอร์เน็ตไร้สายที่แข็งแกร่งและมีความเร็วสูงไม่ว่าจะเป็นการเปิดปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้านจากที่ทำงาน เปิดไฟบ้านและเครื่องปรับอากาศไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าบ้าน หรือปัญหาของการหาสิ่งของไม่เจอจะหายไป เมื่ออุปกรณ์ทุกตัวมีระบบเซนเซอร์ที่ทำให้สามารถทราบที่อยู่ของอุปกรณ์เหล่านั้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกุญแจรถ หรือโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งปัญหาการเปิดไฟ หรือเสียบปลั๊กทิ้งไว้ ลืมกดล็อครถ ต่างๆ นานาปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไปเช่นกัน เมื่อเราสามารถควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดได้ด้วยเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ที่ตอบสนองความยากลำบากในชีวิตให้เป็นเรื่องง่ายได้อย่างคิดไม่ถึง นอกจากจะอำนวยความสะดวกในด้านของการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนแล้ว 5G ยังมีประโยชน์ในระดับมหภาคทั้งด้านสังคม และภาคอุตสาหกรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเซนเซอร์วัดระดับมลพิษในเมืองใหญ่ หรือเมืองที่มีโรงงานอุตสาหกรรม ที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถใช้เซนเซอร์รับรู้ได้ทันทีเมื่อมีระดับมลพิษเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หรือแม้แต่การเตือนภัยไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว หรือสึนามิ ระบบเซนเซอร์ที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ทุกตัวเข้าด้วยกันได้จะเป็นระบบเตือนภัยให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารและเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว สำหรับในภาคอุตสาหกรรมนั้นระบบที่ติดตั้งอยู่บนชั้นวางในห้างสรรพสินค้าจะส่งข้อมูลมายังโรงงานผลิตเมื่อสต็อคสินค้าเหลือน้อยหรือกำลังจะหมด เพื่อเร่งกำลังการผลิตมาเพิ่มเติม ทดแทนสินค้าที่ขายออกไปบนชั้นวางได้อย่างทันท่วงที ไม่มีปัญหาเรื่องสินค้าหมด หรือสินค้าขาดตลาดอีกต่อไป พูดง่ายๆ ก็คือ เทคโนโลยี 5G เป็นการสื่อสารที่สามารถเชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกันบนระบบอินเตอร์เน็ตทำให้การรับส่งข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเกิดการตอบสนองได้อย่างเรียลไทม์นั่นเอง

สำหรับแผนการใช้งานนั้น คาดว่าผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตจะได้เริ่มทดลองใช้เทคโนโลยีตัวนี้กันในปี 2020 โดยประเทศที่เริ่มมีการทดสอบและใช้งานเป็นประเทศแรกๆ ก็หนีไม่พ้นสหรัฐอเมริกา เพราะตอนนี้ค่ายโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อย่าง TT&T และ Verizon ได้เริ่มทำการทดสอบเทคโนโลยี 5G ตัวนี้กันแล้วตั้งแต่ปี 2015 และคาดว่าน่าจะใช้งานกันจริงได้ในอีก 4 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน สำหรับประเทศไทยนั้น ตอนนี้คงต้องลุ้นผลประมูล 4G รอบใหม่กันก่อน ส่วน 5G จะได้ใช้เมื่อไหร่นั้น คงต้องร้องเพลงรอกันต่อไป