ท่องเที่ยวในต่างประเทศหรือจะสู้ การท่องเที่ยวในอวกาศ

หากโลกยังไม่หยุดหมุนรอบตัวเอง มนุษย์ก็จะไม่หยุดคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นมาได้อยู่เสมอ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยมีใครคาดคิดแต่มันกำลังจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้ คือธุรกิจในแวดวงการท่องเที่ยวที่ไม่เพียงแต่จะพาคุณท่องเที่ยวในดินแดนต่างประเทศ แต่ตอนนี้ ได้เกิดแนวคิด การท่องเที่ยวในอวกาศ ขึ้นเป็นที่เรียบร้อย

บริษัทชั้นนำต่างๆของโลกมากมายกำลังให้ความสนใจในการลงทุนทำธุรกิจ การท่องเที่ยวในอวกาศ  ไม่ว่าจะเป็น
ทางบริษัท Blue Origin หรือ SpaceX ต่างก็มีความตั้งใจที่จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวไปในอวกาศนั้นเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องที่นักบินอวกาศเท่านั้นที่จะสามารถทำได้

Blue Origin เริ่มต้นแนวคิดจากความหลงใหลในเรื่องอวกาศ ของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอย่าง เจฟฟ์ เบโซส์ เจ้าของบริษัทชั้นนำอย่าง Amazon ที่ต้องการให้เกิด การท่องเที่ยวในอวกาศ เชิงพาณิชย์ โดยจะให้ผู้โดยสารได้สัมผัสประสบการณ์จากการนั่งจรวดขึ้นไปอยู่บนวงโคจรของโลก ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักบนอวกาศ สามารถลอยรอบอยู่บริเวณโดยรอบห้องโดยสาร และมองวิวทิวทัศน์บนอวกาศได้จากทั่วทุกมุม ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและนำผู้โดยสารลงมาสู่พื้นดินอย่างปลอดภัย

ในขณะที่ทางบริษัท SpaceX ที่นำโดยไอรอนแมนในโลกแห่งความจริงอย่าง อีลอน มัสก์ กลับต้องการทำสิ่งที่ล้ำยิ่งกว่านั้น คือการพาผู้โดยสารไปท่องเที่ยวที่ดาวดวงอื่น และมีเป้าหมายสูงสุดที่จะพาเผ่าพันธุ์มนุษย์ ขึ้นไปสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร โดยมีแนวคิดในการนำยานอวกาศที่สามารถรับผู้โดยสารได้กว่า 100 คน เดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวบนอวกาศ และจะเป็นการพาไปท่องเที่ยวบนดาวจริงๆ โดยที่วิธีการนี้อาจจะต้องใช้ทรัพยากรเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก แต่ทาง อีลอน มัสก์ ได้กล่าวไว้ว่า จะมีการสร้างสถานีสำหรับผลิตเชื้อเพลิงที่ไว้ให้พลังงานขึ้นบนดาวดวงต่างๆ เพื่อรองรับพลังงานไว้สำหรับเดินทางกลับสู่โลก

นอกจากนี้ ทางบริษัท SpaceX ยังได้วางแผนที่จะทำธุรกิจสำหรับเดินทางระหว่างประเทศ โดยจะมีจุดเชื่อมต่อในการเข้าสู่วงโคจรในอวกาศเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อร่นระยะทางในการเดินทางให้สั้นลง โดยหากแนวคิดนี้สำเร็จจะทำให้การเดินทางระหว่างประเทศใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงในการข้ามไปสู่อีกซีกโลกหนึ่ง

ยังมีบริษัทชั้นนำอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ต่างต้องการเข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจ การท่องเที่ยวในอวกาศ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการทางการตลาดสูงถึงกว่าสองพันล้านเหรียญสหรัฐฯ และอาจมีมูลค่าที่สูงมากไปกว่านี้ เพราะต้องไม่ลืมว่าการเดินทางไปสู่อวกาศ คือหนึ่งในความฝันที่มนุษย์ทุกคนต่างต้องการสัมผัสประสบการณ์นั้นสักครั้งในชีวิต และเชื่อว่าภายในไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า ตลาด การท่องเที่ยวในอวกาศ จะเป็นที่แพร่หลายอย่างมาก และจะเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงที่สุด เพราะตราบใดที่จักรวาลยังไม่มีขอบเขตที่สิ้นสุด มนุษย์ก็จะมีเป้าหมายในการท่องเที่ยวไปในอวกาศแบบไม่รู้จบ

ปัญหาการใช้แรงงานสัตว์และความเหลื่อมล้ำจะหมดไปด้วยรถเข็นไฟฟ้านำเที่ยว

ปัญหาการใช้แรงงานสัตว์ต่างเป็นข้อถกเถียงในระดับสากลมาอย่างเนิ่นนาน ไม่ว่าจะเป็นการนำสัตว์ต่างๆ มาใช้ในโชว์การแสดง หรือใช้ในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งจริงๆ แล้วไม่น่าจะทำให้เกิดผลเสียแต่อย่างใด แถมยังจะช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เสียด้วยซ้ำ ถ้าหากนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางที่สมควร

                แต่จากความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับว่า ในปัจจุบันเราต่างพบเห็นสัตว์ต่างๆหลากหลายสายพันธุ์ ถูกนำมาใช้เป็นพาหนะในการทำธุรกิจเชิงท่องเที่ยว ซึ่งได้สร้างผลกำไรมหาศาลให้แก่ผู้ประกอบการ ด้วยเหตุที่แรงงานสัตว์เหล่านี้ใช้ต้นทุนทางพลังงานต่ำกว่าการใช้พาหนะทั่วไปที่ต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาที่ถูกร้องเรียนอย่างมากจากทั่วทุกมุมโลกนั่นคือ การที่สัตว์เหล่านี้ไม่ได้รับการดูแลดีเท่าที่ควรทั้งทางด้านการกินอยู่ และด้านสุขภาพ

                ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไป เมื่อปัจจุบัน มีการทดลองพัฒนารถเข็นไฟฟ้าสำหรับผู้ป่วย ที่นำมาต่อยอดให้กลายเป็นพาหนะที่ใช้ในการท่องเที่ยวเชิงเทคโนโลยี หรือที่เรียกกันอย่างง่ายๆว่า รถเข็นไฟฟ้านำเที่ยว

                รถเข็นไฟฟ้านำเที่ยว จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปได้อย่างสะดวก ปลอดภัย โดยใช้เพียงแค่พลังงานต้นกำเนิดจากไฟฟ้าเพื่อใช้ในการขับเคลื่อน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังจะสามารถเพลิดเพลินไปกับแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนามาเพื่อนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ที่จะคอยรายงานข้อมูลที่น่าสนใจผ่านทางแท็บเล็ตไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่น่าสนใจ และแนะนำร้านอาหารต่างๆ ให้แก่เหล่านักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ นอกจากนี้ รถเข็นไฟฟ้านำเที่ยว ยังสามารถนำมาใช้ในเมืองที่มีการสัญจรหนาแน่น ทำให้ผู้ที่มาใช้บริการเกิดความรู้สึกสนุกสนานไปกับการท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น

                ล่าสุด ทางบริษัท เอ็นทีที โดโคโม องค์กรชั้นนำที่ให้บริการด้านการสื่อสารรายใหญ่ของญี่ปุ่น ได้จับมือร่วมกับเหล่าบริษัทชั้นนำในประเทศ พัฒนาเทคโนโลยี รถเข็นไฟฟ้านำเที่ยวสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย โดยได้มีการนำมาทดลองใช้เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่มหานครโตเกียว ณ เขตเมืองมารูโนอูจิ เป็นเวลา 5 วัน ภายหลังที่ได้เปิดให้ทดลองใช้งานเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ก็จะนำไปปรับปรุงแก้ไข พร้อมทั้งพัฒนาตัวแอปพลิเคชันให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นก่อนเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในอนาคต

                เมื่อลองนำมาคิดกันดูว่า นอกจาก รถเข็นไฟฟ้านำเที่ยว จะช่วยเปลี่ยนหน้าตาการท่องเที่ยวให้พัฒนาควบคู่ไปกับเทคโนโลยีแล้ว ยังสามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานสัตว์ที่เกิดขึ้นในทั่วทุกมุมโลกได้อีกด้วย และที่ยิ่งไปกว่านั้น อาจสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของกลุ่มผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ให้เข้ามามีส่วนร่วมกับบทบาทในสังคมได้ ผ่านการประกอบอาชีพการเป็นมัคคุเทศก์ ที่จะคอยแนะนำข้อมูลให้แก่ผู้ที่มาเข้าใช้บริการ และสามารถพาชมสถานที่ต่างๆ ซึ่งจากที่กล่าวมามีความเป็นไปได้ว่า รถเข็นไฟฟ้านำเที่ยว อาจจะเป็นเทคโนโลยีที่มีส่วนอย่างมากที่จะเข้ามาแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อีกด้วย