เทคโนโลยี ความก้าวหน้าของมวลมนุษย์ ที่พร้อมจะเปลี่ยนโลกแห่งความจริง

โลกทุกวันนี้เรามีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมากมายจนแทบไม่ต้องการอะไรแล้ว แต่บางทีก็รู้สึกว่ามันยังขาดอะไรไปอีกนิด ๆ หน่อย ๆ ดังนั้นนักพัฒนาจึงยังไม่หยุดนิ่ง เหล่าคนสมองเพชรยังคงคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้น กระชับเวลาลง แต่ประหยัดขึ้น ท่ามกลางความหวังที่จะพัฒนาสิ่งต่าง ๆ มากมายนั้น วันนี้เราหยิบยกเอาตัวอย่างเทคโนโลยีส่วนหนึ่ง ที่เราอาจจะพบเจอรอบ ๆ ตัวในอนาคตมาให้ดูกัน

แคชเชียร์อัตโนมัติ ต่อไปเราอาจจะหยิบของในร้านสะดวกซื้อแล้วชำระเงินได้เลย โดยไม่ต้องไปต่อคิวคิดเงินกับพนักงาน ไม่ต้องคอยตอบทุกครั้งว่าไม่เอาซาลาเปากับขนมจีบเพิ่ม ระบบนี้จะตัดยอดสินค้าจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือบัตรเครดิตของเราเลย โดยญี่ปุ่นได้ทดลองระบบนี้ไปเมื่อปี 2016 และทาง Baidu ของจีนก็กำลังพยายามพัฒนาระบบนี้ขึ้นมาด้วยเช่นกัน

รถยนต์ไร้คนขับ ปลอดภัยขึ้นจนอุบัติเหตุเกือบเป็นศูนย์ คือสิ่งที่ผู้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์แทบทุกเจ้ามุ่งหวังให้เกิดขึ้นจริง ในเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สำเร็จเร็ววันเหมือนเทคโนโลยีอื่น ๆ แต่ด้วยความพยายามรวมทั้งเม็ดเงินมหาศาลที่ทุ่มลงไปกับโครงการรถยนต์ไร้คนขับนี้ แสดงให้เห็นว่าแต่ละเจ้าไม่ได้มาเล่น ๆ อย่างแน่นอน

การเติมสีให้รูปหรือวิดีโอขาวดำ เราอาจมีรูปหรือวิดีโอบรรพบุรุษ คนในครอบครัวที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ยุค 40 50 นี่คือฝันเป็นจริง ที่จะได้เห็นภาพถ่ายหรือวิดีโอคนสำคัญเหล่านั้นมีสีตรงตามธรรมชาติ มันอาจไม่ใช่เทคโนโลยีล้ำที่สุดแต่เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วน ๆ แม้ทุกวันนี้จะมีการทำได้บ้างแล้วจากฝีมือศิลปินนักอัดขยายภาพ แต่การเติมสีลงไปในภาพมันให้ความรู้สึกต่างกัน เพราะไม่ทราบว่าสีนั้น ๆ เป็นสีที่แท้จริงในช่วงเวลานั้นหรือไม่ ด้วยเทคโนโลยีฉลาดล้ำในการจำแนกความโปร่งแสงวิเคราะห์ออกมาเป็นเฉดสีต่าง ๆ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าภาพถ่ายนั้น ๆ จะดูมีชีวิตขึ้นมาได้

AI สอนภาษา มันจะดีขนาดไหนที่เราจะสามารถเรียนภาษากับบอทได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าคอร์สแพง ๆ แถมมีภาษาหรือวิชาอื่น ๆ ให้เลือกเรียนมากมาย ลองคิดถึงเด็ก ๆ ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสได้มีคุณภาพการเรียนที่ดี สิ่งนี้คงช่วยได้เยอะทีเดียว คำว่าเทคโนโลยีย่อโลกให้แคบลงนั้น กรณีนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะเดินทางจากมุมหนึ่งของโลก ไปยังอีกมุมหนึ่งด้วยความเร็ว แต่ความเข้าใจระหว่างกันต่างหากที่ทำให้ช่องว่างและโลกนั้นแคบลง ถ้าผู้คนไม่เฉพาะคนไทยเราเท่านั้น แต่หมายถึงผู้คนทั่วโลกเรียนรู้ภาษาวัฒนธรรมระหว่างกันได้ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้

และนี่อาจจะเป็นตัวอย่างของสิ่งประดิษฐ์อีกอย่าง ที่พร้อมจะพลิกโฉมหน้าของโลกไปตลอดกาล ชนิดที่ว่าคุณอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เรื่องแบบนี้เทคโนโลยีจะทำให้เกิดขึ้นจริงได้

 

ส่องร้านค้าออนไลน์ของไปรษณีย์

ย่างเข้าการดำเนินการมาถึงเดือนที่ 4 ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อช่วงกลางปี แต่กลับแลดูออกจะเงียบเหงาไร้กระแสตอบรับไปหน่อยสำหรับ e-Marketplace ร้านค้าออนไลน์ของไปรษณีย์ไทย หรือ Thailandpostmart แม้จะมีฐานลูกค้าเดิมที่เหนียวแน่นตั้งแต่เปิดขายอย่างไม่เป็นทางการผ่านบมจ.บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ผู้นำทางด้านการสื่อสารในปี 2560 แม้จะมียอดจำหน่ายกว่า 50 ล้านบาท แต่ลูกค้าหน้าใหม่ยังค่อนข้างน้อย เรียกว่าฮิตเงียบ ๆ ก็คงได้ ผู้บริโภคทั่วไปยังไม่ค่อยทราบด้วยซ้ำว่าไปรษณีย์ไทยจำหน่ายสินค้าออนไลน์กับเขาแล้ว แถมยักษ์ใหญ่ในธุรกิจนี้ เขายังประโคมข่าวจัดโปรโมชั่น กระหน่ำบิ๊กแคมเปญกลบกระแสเสียมิด

สินค้าแหวกแนว   

ไม่ว่าใคร ส่องดูสินค้าที่วางจำหน่ายในช็อปออนไลน์ของไปรษณีย์ไทยแล้วคงต้องเซอร์ไพรส์ไม่น้อย แถมอมยิ้มไปในที จะมีใครคาดคิดว่าหินลับมีดแบบดิบ ๆ เป็นก้อน ๆ ฝาชี สวิง ฆ้องสานไม้ไผ่ จะขายออนไลน์ได้ ต้องชื่นชมว่าเป็นก้าวที่กล้าหาญของไปรษณีย์ไทยอย่างแท้จริง ด้วยสินค้าเรียกรอยยิ้มทำให้การเลือกชมเลือกซื้อสินค้ามีความสนุกสนาน สินค้าแนวพื้นบ้าน สินค้า Otop ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนกำลังเข้าสู่ธุรกิจ e-Commerce ภายใต้โครงการ e-Commerce ชุมชน โดยมีคำขวัญว่า

“สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย เติบโตอย่างยั่งยืน”

เบื้องต้นมีหมวดสินค้าแบ่งเป็น 8 กลุ่ม ได้แก่

1.อร่อยทั่วไทย

2.ของดีประจำจังหวัด

3.สินค้าชุมชน

4.สินค้าไปรษณีย์

5.สุขภาพและความงาม

6.บ้านและสวน

7.ยานยนต์

8.สินค้าฮาลาล ซึ่งได้รับความร่วมมือจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)

โอกาสเติบโต

e-Marketplace สอดรับโครงการ “ดิจิทัลชุมชน” มุ่งหวังนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจชุมชน ต้องบอกเลยว่าคอนเซ็ปต์น่าสนใจมาก ทั้งการเป็นผู้ซื้อและผู้จำหน่ายสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จำหน่ายสินค้าในโครงการ เพราะทางไปรษณีย์ไทยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตร และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส วางเป้าเชื่อมโยงเข้ากับสินค้าในระบบร้านค้าปลีก หรือ pos ชุมชนมากกว่า 5,000 จุด เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตท้องถิ่น และวิสาหกิจชุมชน เหมือนมีคนลงทุนเปิดหน้าร้านให้เราแถมขายของให้อีกต่างหาก

นอกจากสินค้าแปลก ๆ เรียกอมยิ้มได้ที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีสินค้าระดับสุดยอดของดีของเด่นจากชุมชนทั่วไทย เช่น หมูย่างเมืองตรัง แดงแหนมเนือง เป็ดย่างพิมาย ฯลฯ สินค้าเหล่านี้มามารถสั่งซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสินค้าจะถูกจัดส่งถึงมือผู้รับภายใน 1-2 วัน

สำหรับใครที่สนใจสินค้าชุมชน อยากสนับสนุนผู้ค้าเพื่อพํฒนา marketplace ไทยแท้ไปด้วยกัน นอกจากช่องทาง thailandpostmart.com แล้วยังมีแอปพลิเคชันช็อปปิ้งทั้งใน iOS และ android อีกด้วย ส่วนใครที่สนใจเป็นผู้ค้าในโครงการสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ

 

อาชีพใหม่คนออนไลน์ กับการเป็น Youtuber

โลกยุคใหม่กับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้คน ความต้องการ และลักษณะการใช้ชีวิตต่างไปจากเดิม การสื่อสารที่ก้าวข้ามขีดจำกัดมากมาย ความใกล้ชิด เข้าถึงกันที่ง่ายขึ้นจากโลกของ social media และสื่อต่าง ๆ การเสพสื่อในรูปแบบใหม่ จึงสรรค์สร้างอาชีพใหม่ ๆ ขึ้นมาด้วย

หนึ่งอาชีพที่น่าสนใจในยุคนี้ ก็คือ Youtuber ว่าแต่ มันคืออะไร ง่าย ๆ Youtuber ก็คือ “ผู้ที่สร้าง content แล้วอับโหลดวิดีโอลงเว็บไซต์ Youtube.com เพื่อแสวงหาผลกำไร” โดยรายได้จะมาจากค่าโฆษณา หรือสปอนเซอร์ต่าง ๆ การจะเป็น Youtuber นั้น จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก การจะประสบความสำเร็จในสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น ต้องอาศัยความสนใจ ความพยายาม การเรียนรู้ และความอดทน การเป็น Youtuber ก็เช่นกัน

เริ่มต้นอาชีพ Youtuber

หากเราสามารถใช้ความสามารถ หรือความสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ สร้างเป็นอาชีพเลี้ยงชีวิตให้กับตนเองได้ คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ความฝันนั้นไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป

การเป็น Youtuber เป็นการเติมเต็มความฝันนั้นได้ไม่มากก็น้อย การแชร์ประสบการณ์ หรือ บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ โดยการผลิตเป็นวีดีโอ เพื่อแบ่งปันกับกลุ่มคนที่มีความชอบและความสนใจในเรื่องเดียวกัน แลกเปลี่ยนความคิด และพัฒนาความรู้ความสามารถต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งร่วมกัน และที่สำคัญ วีดีโอเหล่านั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้ด้วย

ก่อนอื่น เริ่มจากการสร้างผลิตภัณฑ์กันก่อน จะเป็น Youtuber เรื่องอะไร และอยากทำเนื้อหา content เป็นยังไง เมื่อได้เนื้อเรื่องแล้ว สิ่งต่อไป ก็คือ ลงมือทำ

วีดีโอ คือ สื่อที่ประกอบด้วยภาพและเสียง อุปกรณ์ก็ตรงไปตรงมาเลย นั่นคือ กล้องที่บันทึกวีดีโอได้ เพื่อใช้ในการถ่ายวิดีโอ จะเป็นกล้องโทรศัพท์ กล้องถ่ายภาพ โดยกล้องนั้นจะราคาถูกหรือราคาแพงอะไรก็ได้ ต่อด้วย อุปกรณ์สำหรับบันทึกเสียง เช่น ไมโครโฟน เครื่องอัดเสียง หากต้องการควบคุมคุณภาพของเสียง และที่สำคัญที่สุด คือ โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ อันนี้เป็นเครื่องมือทำมาหากินเลย บางวีดีโอความยาวเฉลี่ยที่ 8-10 นาที อาจต้องใช้เวลาในการศึกษาเตรียมเนื้อหา 9 – 10 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นแล้วแต่ความซับซ้อนของเนื้อหา นี่ยังไม่รวมเวลาอีก 4-5 ชั่วโมงในการตัดต่อเพื่อให้วีดีโอที่ออกมามีความต่อเนื่อง เล่าเรื่องราวอย่างน่าติดตามและมีคุณภาพ

ว่าแต่ รายได้มาจากไหนล่ะ

ยอดวิว (view) และ ยอดผู้ติดตาม (subscribe) เป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเงินให้กับ Youtuber หากฐานกลุ่มคนที่ติดตามชมผลงานของเรา แฟนคลับที่ชอบเรื่องเดียวกับเรามีมากขึ้น channel ของเหล่า Youtuber ก็จะโด่งดังยิ่งขึ้น จินตนาการง่าย ๆ เหมือนวงการโทรทัศน์นั่นแหละ ถ้ารายการมีคนติดตามเยอะ บริษัทสินค้าต่าง ๆ ก็อยากจะมาลงโฆษณาด้วย เพราะนั่นหมายถึง โอกาสที่จะได้รับความสนใจจากผู้รับชม เงินค่าโฆษณาเหล่านั้น ก็วนตกกลับมาที่ Youtuber เจ้าของ channel นั่นเอง

สปอนเซอร์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เหล่า Youtuber ปรารถนา เพราะนั่นหมายถึงการได้รับการยอมรับจากแบรนด์เหล่านั้น ว่าช่องของเรานั้นมีคุณสมบัติมากพอที่จะช่วยแนะนำสินค้าหรือบริการของเขา และนั่นก็เป็นแหล่งรายได้ที่ดีอีกทางหนึ่ง