Smart City เปิดอนาคตสู่โลกของคนยุคใหม่

ลองนึกภาพกันว่าจะเป็นอย่างไร หากเราอยู่ในเมืองที่เทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกๆ ก้าวของการดำเนินชีวิต หากระบบการจัดการสาธารณูปโภค การศึกษา สาธารณสุข และการควบคุมดูแลกฎหมาย ได้ถูกผนวกเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย จะสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับเราได้มากน้อยเพียงไร

แนวคิดเรื่อง Smart City จะเป็นการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาช่วยปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานในด้านดำเนินชีวิตของมนุษย์ ทั้งด้านการแก้ไขปัญหาการเดินทางบนเส้นทางจราจรที่หนาแน่น การนำระบบอินเทอร์เน็ตมาเชื่อมต่อเข้ากับระบบเซ็นเซอร์ที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปปรับปรุงในการให้บริการสาธารณะ โดยสามารถแบ่งเป็นหัวข้อในการพัฒนาได้ดังนี้

Smart Governance

                คือการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยวิเคราะห์และวางแผนเพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐสามารถนำมาประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งยังจะมีส่วนช่วยอย่างมากในเรื่องการให้บริการสาธารณะ ลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และช่วยให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเน้นการทำงานบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

Smart Mobility

                เป็นการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการจราจร ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบเส้นทางเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง และยังช่วยลดปัญหามลพิษบนท้องถนนที่มีต้นเหตุหนึ่งมาจากการจราจรที่หนาแน่นในทุกๆวัน

Smart Building

                การก่อสร้างอาคารอัจฉริยะจะช่วยในการควบคุมดูแลการทำงานภายในอาคาร เช่น การระบายความร้อน, การปรับอากาศให้ถ่ายเท, ระบบควบคุมระบบให้แสงสว่างภายในอาคาร และการป้องกันความปลอดภัย อีกทั้งยังจะช่วยประหยัดพลังงานที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย

Smart Infrastructure

                การพัฒนาและติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ในทุกพื้นที่ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการช่วยดูแลด้าน
ความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตของคนในสังคม


Smart Energy & Lighting

เป็นการนำเอาแนวคิดการพัฒนาระบบไฟฟ้าอัจฉริยะมาใช้บนท้องถนน ให้สามารถควบคุมผ่านระบบเซ็นเซอร์เพื่อเพิ่มลดแสงสว่างหรือปิดไฟบนท้องถนนโดยอัตโนมัติ โดยทั้งหมดขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการเคลื่อนไหวในบริเวณนั้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการลดใช้พลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

Smart Home

                การพัฒนาให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในที่อยู่อาศัยได้จากระยะไกล ผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องใช้ไฟฟ้าลัดวงจร หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจก่อให้เกิดปัญหาไฟไหม้แก่ที่อยู่อาศัยได้

Smart Public Services

                ระบบจอดรถอัจฉริยะที่จะพารถยนต์ของผู้ใช้บริการขับเคลื่อนไปสู่ที่จอดรถที่ใกล้เคียงสถานที่ปัจจุบันที่สุดโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้คนที่ต้องขับขี่บนท้องถนน

Smart Healthcare

                เป็นการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพ ที่จะคอยเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้สวมใส่อุปกรณ์ พร้อมกับช่วยวิเคราะห์และรายงานข้อมูลแบบเรียลไทม์ส่งถึงแพทย์ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันเวลา

Smart Citizen

                นำเทคโนโลยีมาสร้างรากฐานสำคัญให้แก่ผู้คนในสังคม ให้สามารถนำเอาเทคโนโลยีไปปรับใช้กับการดำเนินชีวิตทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อที่จะนำไปสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพลเมือง และถือกำเนิดเป็น พลเมืองอัจฉริยะ

                จากที่กล่าวมาข้างต้น แนวคิด Smart City ได้กลายเป็นแนวคิดที่หลากหลายประเทศชั้นนำทั่วโลกต่างกำลังให้ความสนใจและพร้อมผลักดันสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาขึ้นอย่างแพร่หลาย เพราะหากเกิดขึ้นได้จริง จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ทุกคน ให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย และสามารถเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบให้เข้าสู่ยุคสมัยเทคโนโลยีอย่างแท้จริง

การปฏิวัติครั้งใหญ่ของ Apple

จากบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาในโรงรถ จนถึงวันนี้แอปเปิ้ลได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆของวงการเทคโนโลยีเป็นที่เรียบร้อย โดยล่าสุดได้มีการจัดงานอีเว้นท์ใหญ่ขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อประกาศการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่จะปฏิวัติวงการเทคโนโลยีอีกครั้ง โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 โปรเจกต์ใหญ่ ดังนี้

Apple News+

ภายหลังการประกาศการอัพเกรด Apple News ให้กลายเป็น Apple News+ ได้สร้างกระแสให้เหล่าแฟนๆนิตยสารทั้งหลายต่างหันมาให้ความสนใจในทันที เนื่องจากได้มีการรวมเอานิตยสารชื่อดังต่างๆมากมายกว่า 300 เล่มมาไว้ใน
แอปพลิเคชันเดียว ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบนิตยสารแฟชั่น กีฬา เทคโนโลยี ก็มีพร้อมเสิร์ฟให้ผู้อ่านได้ทุกรูปแบบ แถมด้วยการนำเอาภาพเคลื่อนไหวมาเพิ่มลูกเล่นให้กับนิตยสาร หากใครนึกภาพไม่ออก ให้ลองนึกถึงหนังสือพิมพ์ในภาพยนตร์เรื่อง
แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีภาพเคลื่อนไหวให้รับชมขณะอ่านดูสิ ว่ามันน่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน

โดยทั้งหมดนี้จะอยู่ในค่าบริการรายเดือนเพียงแค่ 9.99 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อเดือน (ประมาณ 300 บาทไทย) แถมยังแชร์ค่าใช้บริการกับคนในบ้านหรือเพื่อนสนิทได้อีกด้วย

Apple Card

นี่คือก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทาง แอปเปิล ภายใต้การร่วมมือกับธนาคารในสหรัฐอเมริกา ที่ทางบริษัทจะเข้ามาให้บริการทางการเงิน ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบบัตรเครดิตและบัตรแบบดิจิตอล โดยมีจุดเด่นสำคัญอยู่ที่การไม่มีค่าธรรมเนียมในการใช้งานทั้งค่าธรรมเนียมการใช้งานรายปี หรือค่าธรรมเนียมการใช้งานในต่างประเทศ โดยตัวบัตรจะใช้ระบบการชำระเงิน Mastercard แถมทุกครั้งที่รูดจะได้เครดิตเงินคืนถึง 2-3% โดยจะไม่ใช่การนำแต้มสะสมไปแลกสินค้าหรือบริการเหมือนกับผู้ให้บริการทางการเงินรายอื่นๆ ซึ่งการขยับตัวครั้งนี้ของทางแอปเปิ้ลได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้กับวงการธุรกิจทางการเงินเป็นอย่างมาก

Apple Arcade

บริการเกมที่มีให้เล่นได้เฉพาะแพลตฟอร์มของแอปเปิ้ลเท่านั้น โดยผู้ใช้บริการจะต้องเสียค่าใช้จ่ายแบบรายเดือน แลกกับการสามารถโหลดเกมได้อย่างไม่จำกัด อีกทั้งยังไม่มีโฆษณามาคอยกวนใจ โดยทางแอปเปิ้ลได้รวบรวมเหล่าผู้ผลิตเกมชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลกมาสร้างเกมไว้ในมือคุณ เช่น  Bossa Studios, Cartoon Network, Konami, LEGO หรือ SEGA เป็นต้น โดยจะสามารถเล่นได้ทั้งระบบ IOS,  Mac หรือแม้กระทั่งบน  Apple TV


Apple TV
+

ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ของ Apple TV ที่ผู้ชมสามารถดูทีวีได้แบบที่ไม่มีโฆษณาคั่น โดยจะเป็นรายการหรือซีรีส์ของทางแอปเปิ้ลโดยเฉพาะรวมถึงยังมีรายการโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์อื่นๆให้สามารถรับชมได้หลากหลายผ่านทาง
Apple TV Channels ที่รวบรวมค่ายชั้นนำต่างประเทศไว้อย่างมากมายให้เลือกชมได้ในที่เดียวอย่าง HBO หรือ Showtime
เป็นต้น

เรียกได้ว่าจากการที่แอปเปิ้ลได้ทำการปรับทัพครั้งใหญ่นี้ ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้แก่วงการธุรกิจต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวงการนิตยสาร ทีวี เกม หรือแม้กระทั่งธุรกิจการเงิน ทำให้เกิดการจับตามองว่าการก้าวครั้งนี้ของทางแอปเปิ้ลจะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการธุรกิจได้มากน้อยเพียงใด

ปฏิวัติธุรกิจความงามด้วย เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง

ธุรกิจความงาม ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตทางการตลาดที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ การศึกษาหรือฐานะทางสังคมเป็นอย่างไร ต่างก็ต้องการสิ่งที่จะมาช่วยพัฒนารูปร่าง หน้าตา ภาพลักษณ์ภายนอกของตนอยู่เสมอ ยิ่งในปัจจุบันที่ได้มีการคิดค้น เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง อย่าง AR (Augmented Reality) สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย จึงถือเป็นการเปิดประตูไปสู่ยุคสมัยใหม่ด้านอุตสาหกรรมธุรกิจความงาม ให้กลุ่มผู้บริโภคสามารถทดลองใช้สินค้าได้ด้วยตัวเองก่อนการใช้งานจริง

เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง เป็นเทคโนโลยีที่จะสร้างภาพจำลองขึ้นผ่านโปรแกรมออกมาในรูปแบบสามมิติ ซึ่งถือว่ากำลังได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะสามารถดึงดูดความสนใจให้แก่ทั้งกลุ่มผู้บริโภคและผู้ประกอบการเนื่องจากจะทำให้ผู้ซื้อได้ทำการทดลองก่อนตัดสินใจ และทำให้เจ้าของกิจการไม่จำเป็นที่จะต้องเสียงบประมาณในการจ้างพนักงานเป็นจำนวนมากเพื่อมาให้คำแนะนำลูกค้าอีกต่อไป และด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้ในระยะยาว ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงทุนซ้ำซ้อน แถมยังช่วยให้ผู้มาเข้าใช้บริการ ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในการมาเลือกซื้อสินค้าได้อย่างเพลิดเพลินอีกด้วย

จริงๆ แล้ว เทคโนโลยีดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นมาจากแนวคิดการสร้างแอปพลิเคชันเกี่ยวกับความงาม ที่มีให้ดาวน์โหลดใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันออกแบบทรงผม ทดลองแต่งหน้า หรือแม้กระทั่งการจัดเครื่องแต่งกาย ที่มักจะได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งาน ทำให้ทางกลุ่มผู้วิจัยและคิดค้นเทคโนโลยี ใช้ไอเดียจากเรื่องนี้ในการเอามาปรับปรุงและนำมาพัฒนาให้เกิดเป็น เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง ที่เอาไว้ใช้กับกลุ่มธุรกิจความงามขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยีดังกล่าว ยังจะมีส่วนสำคัญอย่างมากในอนาคตต่อการส่งเสริมการขาย และขยายธุรกิจของผู้ประกอบการ เพราะจะช่วยทำให้กลุ่มผู้สนใจผลิตภัณฑ์เกิดการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง จะช่วยในการวิเคราะห์สินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจในการเข้ารับการบริการมากที่สุด

และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ เทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนจริง ยังสามารถจดจำและเก็บสถิติการเข้าใช้บริการ เพื่อจัดความนิยมของผลิตภัณฑ์ เท่ากับว่ากลุ่มผู้ใช้บริการจะสามารถตามทันกระแสความนิยมในขณะนั้นได้ ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี ทำให้สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว เปรียบเสมือนมีเพื่อนคู่คิดให้กับลูกค้าที่จะคอยให้คำปรึกษาที่ดีและสร้างเสริมความมั่นใจให้แก่ผู้มาขอเข้ารับการบริการอย่างแน่นอน

                จากที่กล่าวมาทั้งหมด คาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีการนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วทุกมุมโลกอย่างแน่นอน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า และช่วยประหยัดเวลาในการตัดสินใจ แถมยังช่วยตัดปัญหาในเรื่องการให้บริการที่ไม่ดีของพนักงานในบางครั้งได้ เท่ากับว่าเราจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ และเพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ต้องกังวลไปกับการเดินตามหรือการกดดันจากพนักงานอีกต่อไป

ออฟฟิศแคปซูล มิติใหม่แห่งการทำงาน

หากพูดถึงการจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การดูแลลูกค้า การแก้ไขงาน หรือการปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้างาน คงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางคนอาจเลือกที่จะเข้าร้านกาแฟหามุมเงียบๆ บางคนอาจจะเลือกนั่งทำงานอยู่บนรถ หรือบางคนหากถึงคราวจำเป็นจริงๆ อาจถึงขั้นต้องเข้าห้องน้ำเพื่อแก้ไขงานหรือส่งอีเมลในขณะนั้น

                ซึ่งในบางครั้ง หลายๆ คนคงอยากที่จะให้มีสถานที่ที่สามารถอยู่เงียบๆ เพื่อนั่งทำงานได้อย่างมีสมาธิ ขอเพียงแค่มีโต๊ะเล็กๆ มี Wi-Fi หรือมีที่ชาร์จแบตเตอรี่ไว้คอยอำนวยความสะดวกก็เพียงพอ เพื่อที่จะได้สามารถทำงานได้อย่างใจจดใจจ่อ ดีกว่าที่ต้องไปนั่งทำงานท่ามกลางผู้คนมากมายจนไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้

แต่ถ้าหากมี ออฟฟิศแคปซูล ที่จะคอยให้บริการเราอยู่ตามที่สาธารณะล่ะ

                ล่าสุด ทางประเทศญี่ปุ่นได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้ และได้คิดค้นวิธีการแก้ไขปัญหาได้เป็นที่เรียบร้อย โดยได้มีการสร้าง ออฟฟิศแคปซูล ไว้สำหรับคอยรองรับกลุ่มคนวัยทำงานให้สามารถที่จะแวะเวียนมาใช้บริการได้ ซึ่ง ออฟฟิศแคปซูล ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ ได้มีการเปิดให้ใช้งานตามสถานีรถไฟสายตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น 3 สถานี ได้แก่ สถานีชินางาวะ สถานีชินจูกุ และสถานีโตเกียว ซึ่งได้มีผู้ให้ความสนใจมากมายมาขอใช้บริการเป็นจำนวนมาก

                ภายใน ออฟฟิศแคปซูล จะมีสิ่งที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่การทำงานอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะทำงาน, หน้าจอมอนิเตอร์, ที่ชาร์จแบตเตอรี่, Wi-Fi  สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังมีประตูกระจกที่ถูกสร้างขึ้นมาให้สามารถลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีของผู้ที่มาเข้าใช้ โดยผู้ใช้บริการแต่ละคนสามารถทำเรื่องขอเข้าใช้ได้เป็นเวลา 30 นาทีในแต่ละครั้ง นอกจากนี้ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการให้บริการแต่อย่างใด

                การออกแบบภายในของ ออฟฟิศแคปซูล จะมีลักษณะเป็นพื้นที่ห้องขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการเข้าใช้งานได้เพียงคนเดียว โดยออกแบบมาเพื่อให้กลุ่มคนที่ต้องการใช้ทำงานเร่งด่วนจริงๆ เท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจมีผู้มาใช้บริการผิดวัตถุประสงค์ เช่น เพื่อนั่งรอ หรือ การนัดพบปะสังสรรค์ เป็นต้น

                โดยหากต้องการขอเข้าใช้บริการ จะต้องทำการเข้าไปลงทะเบียนก่อน และระบุสถานีที่ต้องการจะขอเข้าใช้บริการ ก่อนที่จะเลือกห้อง ออฟฟิศแคปซูล ที่ต้องการเข้าใช้ จากนั้นก็จะได้รหัสไปสแกนที่หน้าแคปซูล เพื่อปลดล็อกประตูและสามารถเข้าใช้บริการได้ทันที ซึ่ง ออฟฟิศแคปซูล จะเปิดให้ใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่มในแต่ละวัน

               หากในภายภาคหน้า แนวคิดการสร้าง ออฟฟิศ แคปซูล ได้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในแต่ละประเทศทั่วโลก คงจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มคนวัยทำงานได้ไม่น้อย  เพราะในโลกที่ชีวิตเราทุกคนต่างต้องใช้เวลาไปกับการทำงานเสียเป็นส่วนมาก การมีออฟฟิศส่วนบุคคลในที่สาธารณะ จึงเป็นเหมือนสวรรค์สำหรับคนทำงานอย่างแท้จริง

เมื่อเทคโนโลยีทำให้คนกล้าโกหกกันมากขึ้น

ภายในสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีวันไหนเป็นวัน “เมษาหน้าโง่” แถมเดือนเมษาก็ล่วงเลยมาไกลมาก ทว่ากลับมีคนโกหก มีคนความแตกอย่างต่อเนื่องกันเลยทีเดียว เหมือนนักวิ่งผลัดที่ส่งไม้ต่อกันเป็นทอด ๆ อย่างไรอย่างนั้น

แรกเริ่มเดิมทีเน็ตไอดอลสาวประกาศว่าเธอท้องกับพระเอกหนุ่มคนหนึ่ง ทุกคนต่างสงสารและเห็นใจเธอ ส่วนชายหนุ่มหน่ะเละไปตามระเบียบ จนเมื่อนักสืบโซเชียลทั้งหลายได้กลิ่นตุ ๆ จากเรื่องนี้ จึงเริ่มขุดคุ้ย ติดตามดูพฤติกรรมของเธอ พอมั่นใจในระดับหนึ่งจึงพร้อมกันฟลัดแฮชแท็กรัว ๆ “…โป๊ะแตก” ทีแรกเจ้าตัวยังดริฟท์ต่อไปว่าแท้งลูก แต่ถูกชาวโซเชียลจับได้ว่าไม่ได้ท้องจริงตามที่ประกาศปาว ๆ ก่อนหน้านี้ จึงออกมาขอโทษสังคมและยอมรับว่าตัวเองโกหก

ถัดมาไม่นานพ่อค้าลอตเตอร์รี่ถ่ายภาพตัวเองกับลอตเตอร์รี่ที่อ้างว่าถูกรางวัลมีมูลค่ากว่าเก้าสิบล้าน แถมพ่อค้ายังแสดงความซื่อสัตย์ด้วยการนำคืนลูกค้าไม่โลภเอาไปขึ้นเงินเองอีกด้วย จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงข่าวนี้ถูกแชร์ออกไปพร้อมแฮชแท็ก “คนดีศรีอัมพวา” ว่อนโลกโซเชียล วันต่อมาทั้งสื่อ ทั้งหมอดูชื่อดัง ชาวบ้านจากทุกสารทิศต่างกรูกันเข้าไปขอถ่ายรูป อุดหนุนลอตเตอร์รี่พ่อหนุ่มจิตใจประเสิรฐคนนั้น ไม่นานนักก็ถูกทนายดังตั้งข้อสังเกตแถมถูกแฉเรื่องความไม่เนียนเรื่องลอตเตอร์รี่ในมือ สุดท้ายความแตกจนต้องออกมาขอโทษสังคมอีกคน แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นเพราะยังต้องถูกดำเนินคดีอีกหลายข้อหา

ภายในสัปดาห์เดียวกัน ชายหนุ่มปริศนาที่เหมือนหลุดมาจากภาพยนตร์ Catch me if you can ทำการสมอ้างแฝงตัวเข้าไปตีเนียนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาทำทุกอย่างเหมือนนักศึกษาปกติทั่วไป เช่าหอพักแถวมหาวิทยาลัยหารกับเพื่อนนักศึกษา แต่งกายชุดนักศึกษาออกไปเรียน แถมมีภาพถ่ายร่วมกับเพื่อนนักศึกษา ได้รับเกียรติเป็นผู้ถือป้ายมหาวิทยาลัยในงานสำคัญด้วย ไม่นานอีกเช่นกันเพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งได้เอารหัสนักศึกษา และชื่อ-สกุลของหนุ่มรายนี้เข้าไปค้นหาในฐานข้อมูลเพื่อกิจกรรมบางอย่างของมหาวิทยาลัย ปรากฏว่าเขาไม่มีตัวตนจริงในสารบบ ตอนนั้นเองที่เริ่มมีการรวมกลุ่มหาที่มาว่าชายหนุ่มปริศนาคนนั้นเป็นใคร? มีจุดประสงค์อะไร? จนได้พบวีรกรรมสุดแสบมากมาย จนได้ข้อสรุปว่าหมอนี่กำลังสร้างโปรไฟล์สวยหรูเพื่อลวงโลก หลายคนออกมาแฉพฤติกรรมของชายหนุ่มไม่ขาดสาย ทั้งเรื่องการยักยอกเงิน นิสัยส่วนตัว เพียงชั่วข้ามคืนแฮชแท็ก “…สกล” ก็กลายเป็นข่าวดังระดับประเทศ เจ้าตัวปิดแอคเค้าท์โซเชียลมีเดียทุกช่องทางและหายตัวไปเลย จนตอนนี้สังคมตามหากันจ้าละหวั่น

ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเหล่านี้โกหกเพราะนิสัยส่วนตัว หรือค่านิยมทางสังคมกันแน่ที่บีบให้เขาต้องทำตัวให้เด่น ดี อวดโลกด้วยตัวตนปลอมในโลกไซเบอร์ให้สวยงาม เพียงเพราะต้องการโอกาสทางสังคม? แต่ที่เรารู้แน่ๆคือแฮชแท็กเป็นอักษรสั้น ๆ ที่มีพลัง เปลี่ยนคนธรรมดาให้โด่งดังได้ในข้ามคืน เชิดชูคนไม่ดีให้เป็นคนดีก็ได้ และก็เหมือนดาบสองคมถ้าคนเหล่านั้นทำเรื่องไม่ดีจริง ๆ คำ ๆ นั้นก็จะติดตัวเขาไปตลอดเช่นกัน

 

สังคมสีเขียว เมื่อประชากรทั่วโลกห่วงใยสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

แนวคิดอนุรักษ์ที่จะใช้พลังงานสะอาด ใช้พลังงานหมุนเวียน และเลือกใช้พลังงานทดแทน กำลังเป็นกระแสมาแรงทั่วโลก โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรปที่ชาติผู้นำอย่างอังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส ต่างก็พยายามผลักดันให้ภาคประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น โดยในฝรั่งเศสได้กันพื้นที่กรุงปารีสชั้นในให้เป็นพื้นที่พิเศษสำหรับพาหนะปลอดมลพิษ สนับสนุนสิทธิประโยชน์ด้านภาษี ส่วนอังกฤษก็เตรียมออกป้ายทะเบียนสีเขียวให้รถยนต์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับแคนาดา จีน และนอร์เวย์ โดยนายกรัฐมนตรี Theresa May และเลขาธิการของกระทรวงคมนาคม Chris Grayling เป็นหัวเรือใหญ่ โดยนาย Grayling กล่าวว่า “ป้ายทะเบียนรถยนต์สีเขียวจะช่วยสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนมหาศาล เพราะมันมองเห็นได้ชัดเจน เป็นสื่อให้พวกเขาซื้อรถยนต์แบบนี้มากขึ้น จากปัจจุบันรถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายในอังกฤษช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีรถยนต์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ Hybrid ราว 5.5% มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 4.2%”

นอกจากนี้เกาะอังกฤษยังเตรียมตามรอยฝรั่งเศส ด้วยการปิดกั้นพื้นที่ส่วนหนึ่งในมหานครลอนดอนให้เป็นพื้นที่พิเศษสำหรับพาหนะไร้มลพิษเท่านั้น ส่วนทางด้านเยอรมนีผู้นำทางด้านการผลิตยานยนต์กำลังจะใช้ “ยาแรง” ห้ามผู้ผลิตจำหน่ายรถยนต์แบบใช้น้ำมันในปี 2030 อย่างเด็ดขาด ซึ่งประชาชนชาวเยอรมันเห็นด้วยกับรัฐบาลและกำลังนิยมใช้รถยนต์ประเภท Zero-emission อยู่แล้วด้วยจึงเป็นการบีบผู้ผลิตไปในตัว ทั้งนี้ยังรณรงค์ให้สหภาพยุโรปเล็งเห็นถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและช่วยกันอนุรักษ์พลังงานมากขึ้น

มาที่บ้านเรารัฐบาลพยายามผลักดันนโยบาย Energy 4.0 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงสังคมให้กลายเป็นสังคมสีเขียว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลสนับสนุนตลอดมา เพื่อกรุยทางสู่ยุค Energy 4.0 คือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนโดยภาคประชาชน ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านหรือ “โซลาร์รูฟท็อป” แม้จะได้รับการตอบรับน้อย มีประชาชนแค่บางส่วนที่ให้ความสนใจ แต่ในระยะหลายปีมานี้ราคาของแผงโซลาร์เซลล์ถูกลงกว่าเดิมมาก ลดลงกว่าร้อยละ 90 ภายในระยะเวลา 40 ปี ทำให้ยังมีหวังที่โครงการนี้จะสำเร็จในระยะยาว

ส่วนปตท.เล็งเห็นว่าทั่วโลกมีแนวโน้มเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นทุกวัน จึงเตรียมผุดสถานีเติมไฟฟ้าอีก 20 แห่งในปีนี้ ซึ่งจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 21 สถานีแต่ไม่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเพราะอยู่ในระหว่างรอคำสั่งอนุมัติจากกรมกิจการพลังงาน อีกหนึ่งผู้ผลักดันให้ประชาชนหันไปใช้พลังงานสะอาดอย่าง บริษัท จีแอลที กรีน (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมทุ่มเม็ดเงินลงทุนอีก 50 ล้านบาท เนรมิตสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 70 สถานี นั่นจะทำให้มีจุดให้บริการกว่า 200 สถานี ไว้เพื่อรองรับกระแสการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างแน่นอนในอนาคต

 

หลอกรักออนไลน์ อาชญากรรมทางเทคโนโลยีสุดน่ากลัว

ชื่อดูเหมือนซีรีย์กุ๊กกิ๊กแนวเกาหลี แต่เชื่อเถอะมันไม่โสภาโสภีเหมือนซีรีย์ที่ว่าหรอก “โรมานซ์แกรม” หรือ “โรมานซ์แกรมเมอร์” เป็นกลลวงสุดแสบของมิจฉาชีพหัวใส ซึ่งนับเป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างหนึ่ง อาชญากรรมชนิดนี้ต่อยอดมาจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เคยระบาด สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาลมาก่อนหน้านี้ เมื่อคนรู้เท่าทันวิธีการเดิมเริ่มไม่ได้ผลมิจฉาชีพก็พยายามเปลี่ยนวิธีการเรื่อย ๆ

วิธีการลวงเหยื่อ

โรมานซ์แกรม หรือหลอกรักออนไลน์มีวิธีการแยบยลกว่าวิธีการคอลเซ็นเตอร์ คือ มิจฉาชีพมักจะก่อเหตุอย่างใจเย็น โดยเริ่มแรกจะส่งคำขอเป็นเพื่อนกับเหยื่อ โดยมากมักจะใช้รูปประจำตัวเป็นหนุ่มหล่อผิวขาวชาวตะวันตก เพื่อให้เหยื่อกดรับเป็นเพื่อนโดยง่าย ไม่นานก็จะแชทเข้าไปพูดคุยกับเหยื่อ ระหว่างนั้นก็มักจะลงรูปอวดความร่ำรวย โชว์ชีวิตหรูหราเสมอ และจะมีเพื่อนซึ่งเป็นหน้าม้า หรือตัวเองที่ล็อกอินยูเซอร์อื่นเข้าไปคอมเม้นต์โต้ตอบ เพื่อให้เหยื่อรู้สึกว่าบุคคลนั้น ๆ มีตัวตนจริง การแชทพูดคุยกับเหยื่อมักจะหยอดคำหวานจีบเหยื่อ ทำให้รู้สึกว่าอยากคบหาดูใจ

ผ่านไปสักระยะเมื่อเห็นว่าเหยื่อไว้ใจและรู้สึกว่าเป็นคู่รักกันแล้วก็มักจะเริ่มออกลาย เริ่มบ่นเรื่องปัญหาทางการเงินหรือธุรกิจไม่ลงตัว เริ่มเรียกร้องต้องการยืมเงินจากเหยื่อ เพราะจะนำไปจ่ายภาษีเพื่อให้เข้าเงื่อนไขรับมรดก หรือเพื่อให้ธุรกิจมีสภาพคล่อง (ส่วนใหญ่มักจะใช้ข้ออ้างนี้) โดยสัญญากับเหยื่อว่าหลังจากได้รับเงินมรดกหรือปันผลทางธุรกิจแล้ว จะคืนเงินมากกว่าห้าหรือสิบเท่าให้กับเหยื่อ โดยมิจฉาชีพพวกนี้มักจะมีวาทะศิลป์ดีโน้มน้าวเหยื่อจนตายใจ เมื่อได้รับเงินจากเหยื่อแล้วระหว่างนั้นจะยังไม่หายไปไหน ทำให้เหยื่อรู้สึกว่าไม่ถูกเชิดเงินหนีและจะพร่ำบอกเหยื่อเสมอว่าใกล้ได้รับเงินแล้ว อาทิตย์นี้ เดือนนี้จะคืนให้ ถ้าเหยื่อยิ่งตกหลุมรักมากมิจฉาชีพเหล่านี้จะยิ่งหลอกซ้ำให้โอนเงินให้เรื่อย ๆ อาจจะมีการคืนเงินบางส่วนเพื่อให้เหยื่อเชื่อใจแล้วขอยืมอีกครั้งในวงเงินที่มากขึ้น เหยื่อที่โดนหลอกเอาทรัพย์สินไปมากที่สุดเสียหายกว่า 33 ล้านบาท!!!

กว่าจะรู้ว่าโดนหลอกเหยื่อแต่ละคนลมแทบจับ ยิ่งโดยเฉพาะตอนความจริงปรากฏ เมื่อเห็นตัวจริงของคนที่ตนเองคุยด้วย คนที่เหยื่อเรียกเต็มปากว่าคนรักนั้นแท้จริงแล้ว เป็นชาวอาฟริกาผิวดำชนิดไม่ตรงปก โดยเหยื่อที่ตกเป็นเป้าหมายของแก๊งโรมานซ์แกรมเหล่านี้มักจะเป็นสาวโสดวัยกลางคนอายุระหว่าง 40-60 ปี เพราะเหยื่อเหล่านี้อารมณ์อ่อนไหวต่อความรักนั่นเอง

ข้อสังเกต

กลลวงของมิจฉาชีพเหล่านี้มักจะแสดงช่องโหว่ให้จับพิรุธได้ง่ายเช่น มีอาการตกหลุมรักเหยื่อโดยง่าย ไม่ยอมให้นัดเจอ ไม่ยอมเปิดกล้องคุยกันแบบเห็นใบหน้า บ่ายเบี่ยงการเปิดเผยตัวจริงทุกรูปแบบ สะกดภาษาอังกฤษแบบผิด ๆ ถูก ๆ เหตุผลที่ใช้ขอยืมทรัพย์สินจากเหยื่อดูไม่มีน้ำหนัก เป็นต้น

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงมิจฉาชีพรูปแบบหนึ่งจากมิจฉาชีพสารพัดรูปแบบ พวกเขากำลังแฝงตัวก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ต กลลวงบางอย่างเป็นสิ่งที่คนดีๆนึกไม่ถึง จนทำให้ตกเป็นเหยื่อได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามการติดตามข่าวสารและรับฟังคำเตือนจากสังคม คนรอบข้าง คงเป็นเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุดเมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้

 

E-sport ควรได้รับการยอมรับให้เป็นกีฬาหรือไม่?

แม้หลายฝ่ายจะผลักดันสุดลิ่มทิ่มประตูไปแล้ว ค่ายเครือข่ายโทรศัพท์ยักษ์ใหญ่ก็เตรียมจัดรายการแข่งขันระดับอลังการณ์ดาวล้านดวง แต่คำถามว่า E-sport ควรเป็นกีฬาหรือไม่? ยังคงเป็นประเด็นร้อนฉ่าในโลกโซเชียล เว็บบอร์ดชื่อดังยังคงถกเถียงกันอยู่จนถึงตอนนี้ แน่นอนว่าเสียงแตกออกเป็นสองฝั่ง ทั้งฝ่ายสนับสนุนที่มองว่านี่เป็นโอกาส และฝ่ายคัดค้านก็ห่วงใย ว่าหากไม่วางแผนให้ดีระยะยาว จะเกิดผลด้านลบต่อเยาวชน แต่ละฝ่ายให้ความเห็นได้น่าสนใจ วันนี้เราจึงยกบทสรุปความเห็นจากทั้งสองฝั่งมาพิจารณากันว่าควรเรียก E-sport ว่ากีฬาดีหรือไม่?

ฝ่ายสนับสนุน

1.E-sport ควรเป็นกีฬา ถ้าหากหมากรุกและกีฬาอื่น ๆ ที่ใช้ทักษะเฉพาะเป็นกีฬาได้

2.การเล่นเกมเป็นอาชีพ คือโอกาสสำหรับคนที่ทำงานไม่เก่ง ไม่มีความสามารถอื่นใดที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ คนเหล่านี้อาจสอบแข่งขันกับใครไม่ได้ ทำงานหนักไม่ได้ และกลายเป็นคนตกงาน สำหรับคนเหล่านี้ E-sport เป็นเหมือนประตูโอกาสสำหรับการสร้างคุณค่าในตัวเอง สร้างอาชีพ ไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวและสังคม

3.E-sport เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูง สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาล หากรัฐช่วยผลักดัน เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องรัฐจะมีเงินเข้าคลังไม่ขาดสาย เพราะธุรกิจนี้กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอีกในอนาคต

4.การระบุให้ E-sport เป็นกีฬาชนิดหนึ่งจะทำให้นักกีฬาได้รับการยอมรับ การให้เกียรติจากสังคม ทุกวันนี้การถูกเรียกว่าเด็กติดเกมเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ให้ความรู้สึกเชิงลบ เหมือนคำดูถูก เช่นเดียวกับอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ ที่ชาวบ้านมักจะเข้าใจว่าเป็นคนไม่มีงานทำ การถูกสังคมตราหน้าแบบนั้นโดยที่โต้ตอบอะไรไม่ได้ มันก็เหมือนถูกชกอยู่ฝ่ายเดียว

ฝ่ายคัดค้าน

1.นักกีฬา E-sport มีเพียงส่วนน้อยที่ทำเป็นอาชีพเลี้ยงตัวได้ ส่วนใหญ่ในต่างประเทศนักกีฬาตัวเล็กตัวน้อยที่ไปไม่ถึงระดับโปรเพลย์เยอร์ ยังอยู่ในสถานะตกงาน เบิกค่าเลี้ยงดูจากรัฐอยู่เลย ในขณะที่ประเทศไทยไม่มีระบบช่วยเหลือจากรัฐ และหากตัวนักกีฬาหาผู้สนับสนุนไม่ได้ ภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะตกแก่ครอบครัว

2.ถึงแม้เกมจะสร้างรายได้และเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาลก็จริง แต่เกมที่ถูกพัฒนาโดยคนไทยและสร้างการแข่งขันระหว่างผู้เล่นจริง ๆ จัง ๆ ยังไม่มี ส่วนใหญ่เกมที่เหล่าเกมเมอร์เล่นกันล้วนนำเข้ามาจากต่างประเทศ เม็ดเงินมหาศาลที่ว่าหมุนเวียนในระบบนี้จะตกไปอยู่กับนายทุนและเจ้าของลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นต่างชาติ รัฐได้เพียงเศษเนื้อติดกระดูก

3.ลำพังแค่โซเชียลมีเดียเด็กไทยก็ติดกันงอมแงมแล้ว ผลสำรวจล่าสุดจากสถาบันแห่งหนึ่งระบุว่าเด็กไทยใช้เวลากับโซเชียลมีเดีย 98% มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 12% นี่ถ้าสนับสนุนให้เล่นเกมอีกก็น่าห่วงว่าเด็กจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกสมมติมากกว่าโลกจริง

4.ความพยายามผลักดันให้ E-sport เป็นกีฬาดูไม่โปร่งใส มีเรื่องของการตลาดที่น่าเคลือบแคลงใจ หากไม่ศึกษาผลกระทบให้ดี ผู้มีอำนาจรู้ไม่เท่าทันนักการตลาด อาจเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณในระยะยาว

นี่เป็นเพียงบทสรุปความเห็นส่วนหนึ่งจากโซเชียลมีเดียเท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลที่ควรรับฟัง สำคัญ คือทั้งสองฝ่ายต่างมีความปรารถนาดีเหมือน ๆ กัน สุดท้ายนี้ขอยกความเห็นของคนกลางคนหนึ่งที่เตือนไว้อย่างน่าสนใจว่า

ถึง E-sport จะเป็นหรือไม่เป็นกีฬาก็ตาม เกมเมอร์ทั้งหลายก็ควรแบ่งเวลาให้พอดี เรียน เล่น ให้เป็นเวลา จะได้ไม่รู้สึกว่าพลาดอะไรไปในชีวิต เมื่ออายุล่วงเลยไป 40 หรือ 50 ปี

 

หลบไปเลยดิจิตอลทีวี เมื่อมือถือฉายภาพเข้าทีวีได้แล้ว

ดูฟุตบอลในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตไม่สะใจ ดูซีรีย์ในโทรศัพท์ไม่ได้อรรถรส อยากต่อมือถือออกจอทีวีจัง ว่าแต่มันทำได้ใช่ไหม? ทำอย่างไร? เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยใคร่รู้ โดยเฉพาะพี่ ป้า น้า อา ผู้ไม่ได้เชี่ยวชาญในยุคดิจิตอล

ชนิดของพอร์ต

วิธีต่ออุปกรณ์ใด ๆ เข้ากับโทรทัศน์ก็ตาม ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “พอร์ต” ในภาษาชาวบ้านก็คือช่องเสียบ รูเสียบ แจ็ค เราต้องอาศัยพอร์ตเหล่านี้ในการส่งภาพจากอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้าจอโทรทัศน์ โดยหลัก ๆ แล้วพอร์ตที่ใช้จะมีอยู่สองถึงสามชนิดแล้วแต่รุ่นของโทรทัศน์ แต่ในที่นี้เราจะพูดถึงพอร์ตสองชนิดที่มีอุปกรณ์ต่อพ่วงให้เลือกใช้อย่างแพร่หลาย

HDMI ย่อมาจาก High-Definition Multimedia Interface เป็นพอร์ตเชื่อมต่อมัลติมีเดียคุณภาพสูง ให้ภาพที่คมชัดและเสียงที่สมจริง โดยพอร์ต HDMI ยังมีแบ่งเวอร์ชันกันอีกด้วย แน่นอนว่าเวอร์ชันใหม่ ๆ ยิ่งดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

RCA ย่อมาจาก Radio Corporation America สายเคเบิ้ล RCA เป็นสายเสียบแบบอนาล็อก เป็นพอร์ตทางเลือกในทีวีจอตู้สมัยก่อน (CRT TV) แม้จะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักในการส่งภาพจากอุปกรณ์โทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ขึ้นไปแสดงผลบนหน้าจอด้วยพอร์ตที่ว่านี้ แต่ยังพอมีอุปกรณ์ต่อพ่วงให้ซื้อหาได้

อุปกรณ์ต่อพ่วง

                สายสัญญาณ การต่อสายสัญญาณเป็นวิธีการเบสิกที่สุดของการเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับโทรทัศน์แบบ HDMI สายสัญญาณที่หัวด้านหนึ่งเสียบเข้ากับ HDMI ของโทรทัศน์ได้ ปลายอีกด้านเสียบกับช่องชาร์จโทรศัพท์ อาจจะมีหรือไม่มีสายอีกเส้นเป็นหัว USB เพื่อการชาร์ต แบบนี้เรียกว่า MHL ย่อมาจาก Mobile High-Definition Link สายสัญญาณชนิดนี้ส่งภาพขึ้นจอได้โดยตรง มีราคาไม่สูงมากอยู่ระหว่าง 300-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพ ยี่ห้อ ของแท้หรือของเทียม โดยสายสัญญาณคุณภาพดีจะให้ภาพที่ต่อเนื่องเกิดอาการภาพค้าง ขาดการเชื่อมต่อน้อยมาก อย่าลืมเปลี่ยนช่องทีวีที่รีโมทไปที่ช่อง HDMI ด้วย

ในขณะที่สายสัญญาณแบบ HDMI ต่อเข้ากับโทรทัศน์ได้เลย แต่ทว่าสายสัญญาณ RCA ทำเช่นนั้นไม่ได้ มันต้องผ่านการแปลงสัญญาณด้วยกล่องแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อกเสียก่อน หากต้องการอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ใช้งานได้จริงควรซื้อกับร้านที่เชื่อถือได้ และควรทดลองใช้งานที่ร้านเลย โดยกล่องแปลงสัญญาณจากดิจิตอลเป็นอนาล็อกนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 500 – 3,500 บาท ไม่มีของแท้จากผู้ผลิตชั้นนำ อย่าลืมกดรีโมทเปลี่ยนไปที่ช่อง AV ด้วย

Display Dongle อุปกรณ์สะท้อนหน้าจอ เพื่อการใช้ฟังก์ชัน cast , screen mirroring อุปกรณ์เหล่านี้มีพอร์ตเชื่อมต่อทั้งแบบ HDMI และ RCA ขึ้นอยู่กับรุ่น ยี่ห้อ และราคา สมาร์ททีวีหลายยี่ห้อมีฟังก์ชันนี้ติดตั้งอยู่ในตัวไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ต่อพ่วงเพิ่มเติม ข้อดีของอุปกรณ์ Display Dongle คือการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านสัญญาณ Wireless , WIFI และแน่นอนความต่อเนื่องของภาพต้องอาศัยความแรงของอินเทอร์เน็ตด้วย แนะนำใช้งานกับอินเทอร์เน็ต 10Mbps ขึ้นไปเท่านั้น แต่ถึงแม้ความเร็วของอินเทอร์เน็ตจะสูงก็ตาม อุปกรณ์เหล่านี้ก็อาจจะเกิดการค้าง หลุด ได้เช่นกัน มากน้อยขึ้นอยู่กับความเสถียรของอินเทอร์เน็ต ตัวอุปกรณ์เอง และโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตที่ใช้ฟังก์ชันสะท้อนหน้าจอ

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา คือวิธีการเชื่อมต่อโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตขึ้นแสดงผลบนหน้าจอ อันมีข้อเสียอีกข้อที่ควรคำนึงคือระหว่างรับชม หน้าจอโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตที่ใช้เชื่อมต่อนั้นจะต้องเปิดไว้ตลอดเวลาด้วย ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียหายหากใช้งานเป็นเวลานาน ควรใช้เป็นครั้งคราวและไม่ควรใช้งานติดต่อกันนานจนเกินไป

 

อาชีพใหม่จากการใช้สมาร์ทโฟน อยู่ ๆ มีคนโอนเงินเข้าบัญชีเป็นรางวัล

ในยุคเทคโนโลยีของสมาร์ทโฟน ที่กลายเป็นเครื่องมือที่สามารถทำได้หลากหลายอย่าง บวกกับกระแสการไลฟ์ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ทำให้เกิดอาชิพใหม่ขึ้นที่ถูกเรียกันว่า วีเจ เป็นการไลฟ์ในแอปพลิชันไลฟ์ เพื่อเรียกของขวัญจากคนดูที่ชอบและติดตาม และสามารถสร้างรายได้ให้พวกเขามากเอาเรื่อง

วีเจคืออาชีพที่มีรายได้มาจากสองทาง ของขวัญและสังกัด ในแอปพลิเคชันไลฟ์จะมีระบบของขวัญ ซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างกันแล้วแต่ตัวแอปพลิเคชัน ผู้ชาสามารถเติมเงินเข้าสู่ระบบของแอปพลิเคชันได้ เพื่อนำไปซื้อของขวัญให้กับวีเจ  ซึ่งเราเรียกกันว่าการเปย์ ตัวของวีเจก็จะได้รับของขวัญมาเปลี่ยนเป็นเพชร และสามารถนำเพชรนั้นไปแลกกับทางต้นสังกัดเพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นเงิน

ถ้ายิ่งมีผู้ติดตาม หรือคนเปย์ของขวัญมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับเพชรและไปเปลี่ยนเป็นเงินได้มากขึ้นเท่านั้น หลายต่อหลายคนจึงให้ความสนใจกับอาชีพใหม่นี้เป็นอย่างมาก เพราะมันไม่ต้องความรู้เฉพาะทางอะไร ใช้แค่ทักษะการพูดให้คนสนุกและหน้าตาเท่านั้น ลำพังแค่เงินที่จะได้จากสังกัดก็มากพออยู่แล้ว ยังมีเงินที่ได้จากของขวัญต่าง ๆ ที่คนดูส่งให้มาบวกเพิ่มไปอีก ถือว่าสามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้เลยทีเดียว ยิ่งเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายที่หน้าตาหล่อสวย และมีคนมากดติดตามมาหรือส่งของขวัญให้เยอะ ๆ ด้วยแล้ว เงินเดือนที่ได้แต่ละเดือนถือว่าสูงมาก

ไม่ใช่แค่การไลฟ์ผ่านแอปพลิเคชันอย่างเดียว ในยุคนี้โซเชียลมีเดียก็มีการนำการไลฟ์เข้าไปเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่คอยดึงดูดให้คนดูได้เข้ามาใช้งานกัน ไม่ว่าจะเป็นเฟบุ๊ค หรือ ยูทูป ซึ่งโซเชีลยมีเดียทั้งสองอันนี้ก็สามารถทำการไลฟ์จนเป็นอาชีพได้ เช่น การไลฟ์ในยูทูป จะมีการโดเนทเข้ามาให้กับวีเจ เช่น การแคสเกม พูดตลก เล่าเรื่อง หรืออื่น ๆ มากมาย ทั้งคนธรรมดาและศิลปินหลายคน จึงเริ่มเปิดช่องยูทูปเป็นของตัวเอง เพื่อหวังจะได้รับเงินเพิ่มจากช่องทางนี้

วีเจผู้หญิง จะปลอดภัยหรือไม่?

                ร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ของวีเจในแอปพลิเคชันไลฟ์จะเป็นผู้หญิง และอีก 95 เปอร์เซ็นจากวีเจผู้หญิงที่ทำการไลฟ์ เป็นสายเซ็กซี่ เต้นโชว์เรือนร่าง ถึงแม้ว่าทางแอปพลิเคชันจะมีนโยบายป้องกันการไลฟ์แบบอนาจารแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีกฎหรือมาตรการอะไร ที่จะห้ามไม่ให้เซ็กซี่ได้ วีเจหลายคนมีอาวุธเป็นการอ้อนและเรือนร่างที่ดึงดูดผู้ชายทั้งหลายให้เข้ามาเปย์ของขวัญให้

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่เป็นการตอบแทนผู้ติดตามโดยการจัดงานพบปะสังสรรค์กันระหว่างวีเจ กับ ผู้ติดตาม ร่วมกินข้าว เที่ยว และเล่นเกมกันต่าง ๆ นา ๆ และถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ติดตามได้เจอกลับวีเจตัวเป็น ๆ สำหรับผู้ติดตามที่แค่ชื่นชอบและอยากที่จะสนับสนุนวีเจนั้นก็มี แต่ส่วนใหญ่ผู้ติดตามนั้นคิดอะไรมากกว่านั้น เป็นเหตุให้หลายต่อหลายครั้งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ติดตามกระทำอนาจารวีเจ ทำพฤติกรรมโรคจิตใส่ หรือแม้กระทั้งขมขู่วีเจ

ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวและอันตรายมาก ๆ สำหรับวีเจสาวสวยที่ใช้หน้าตา และเรือนร่างเป็นอาวุธในการเรียกของขวัญจากผู้ติดตาม จริง ๆ แล้วนี่ก็ถือเป็นอาชีพที่สุจริต และไม่ได้เดือนร้อนใคร แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับวีเจผู้หญิงที่ไลฟ์โดยมีรูปร่างและหน้าตาเป็นจุดขาย จำเป็นต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก ๆ ในสังคมที่เป็นสีเทาเข้มนี้