สังคมสีเขียว เมื่อประชากรทั่วโลกห่วงใยสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

แนวคิดอนุรักษ์ที่จะใช้พลังงานสะอาด ใช้พลังงานหมุนเวียน และเลือกใช้พลังงานทดแทน กำลังเป็นกระแสมาแรงทั่วโลก โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรปที่ชาติผู้นำอย่างอังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส ต่างก็พยายามผลักดันให้ภาคประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น โดยในฝรั่งเศสได้กันพื้นที่กรุงปารีสชั้นในให้เป็นพื้นที่พิเศษสำหรับพาหนะปลอดมลพิษ สนับสนุนสิทธิประโยชน์ด้านภาษี ส่วนอังกฤษก็เตรียมออกป้ายทะเบียนสีเขียวให้รถยนต์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับแคนาดา จีน และนอร์เวย์ โดยนายกรัฐมนตรี Theresa May และเลขาธิการของกระทรวงคมนาคม Chris Grayling เป็นหัวเรือใหญ่ โดยนาย Grayling กล่าวว่า “ป้ายทะเบียนรถยนต์สีเขียวจะช่วยสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนมหาศาล เพราะมันมองเห็นได้ชัดเจน เป็นสื่อให้พวกเขาซื้อรถยนต์แบบนี้มากขึ้น จากปัจจุบันรถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายในอังกฤษช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีรถยนต์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ Hybrid ราว 5.5% มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 4.2%”

นอกจากนี้เกาะอังกฤษยังเตรียมตามรอยฝรั่งเศส ด้วยการปิดกั้นพื้นที่ส่วนหนึ่งในมหานครลอนดอนให้เป็นพื้นที่พิเศษสำหรับพาหนะไร้มลพิษเท่านั้น ส่วนทางด้านเยอรมนีผู้นำทางด้านการผลิตยานยนต์กำลังจะใช้ “ยาแรง” ห้ามผู้ผลิตจำหน่ายรถยนต์แบบใช้น้ำมันในปี 2030 อย่างเด็ดขาด ซึ่งประชาชนชาวเยอรมันเห็นด้วยกับรัฐบาลและกำลังนิยมใช้รถยนต์ประเภท Zero-emission อยู่แล้วด้วยจึงเป็นการบีบผู้ผลิตไปในตัว ทั้งนี้ยังรณรงค์ให้สหภาพยุโรปเล็งเห็นถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและช่วยกันอนุรักษ์พลังงานมากขึ้น

มาที่บ้านเรารัฐบาลพยายามผลักดันนโยบาย Energy 4.0 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงสังคมให้กลายเป็นสังคมสีเขียว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลสนับสนุนตลอดมา เพื่อกรุยทางสู่ยุค Energy 4.0 คือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนโดยภาคประชาชน ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านหรือ “โซลาร์รูฟท็อป” แม้จะได้รับการตอบรับน้อย มีประชาชนแค่บางส่วนที่ให้ความสนใจ แต่ในระยะหลายปีมานี้ราคาของแผงโซลาร์เซลล์ถูกลงกว่าเดิมมาก ลดลงกว่าร้อยละ 90 ภายในระยะเวลา 40 ปี ทำให้ยังมีหวังที่โครงการนี้จะสำเร็จในระยะยาว

ส่วนปตท.เล็งเห็นว่าทั่วโลกมีแนวโน้มเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นทุกวัน จึงเตรียมผุดสถานีเติมไฟฟ้าอีก 20 แห่งในปีนี้ ซึ่งจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 21 สถานีแต่ไม่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเพราะอยู่ในระหว่างรอคำสั่งอนุมัติจากกรมกิจการพลังงาน อีกหนึ่งผู้ผลักดันให้ประชาชนหันไปใช้พลังงานสะอาดอย่าง บริษัท จีแอลที กรีน (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมทุ่มเม็ดเงินลงทุนอีก 50 ล้านบาท เนรมิตสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 70 สถานี นั่นจะทำให้มีจุดให้บริการกว่า 200 สถานี ไว้เพื่อรองรับกระแสการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างแน่นอนในอนาคต