ตื่นตาตื่นใจไปกับ feature ใหม่ใน iPhone X สำหรับการใช้การสแกนใบหน้าในการยืนยันตัวตน การปลดล็อคโทรศัพท์และการทำธุรกรรมหลากหลายอย่างบนสมาร์ทโฟนอย่างง่ายดาย
รู้จักกับการยืนยันตัวตนรูปแบบต่าง ๆ
การยืนยันตัวตนในที่นี้ หมายถึงเมื่อเราต้องการล็อกอินเข้าระบบ และระบบต้องการเช็คว่า เราสามารถเข้าถึงสิ่งนั้น หรือเราเป็นคนที่แสดงตัวตนว่าใช่ หรือไม่ โดยมีวิธีการแบ่งคร่าว ๆ ได้ 3 วิธี ดังนี้
- สิ่งที่รู้ (What you know) เช่น รหัสผ่าน (password) หรือ คำตอบของคำถามลับบางอย่างที่เฉพาะเรากับระบบรู้กันเท่านั้น เรียกว่า Shared Secret หรือการใช้พิน (PIN) เป็นต้น
- สิ่งที่มี (What you have) เช่น การยืนยันว่าเรามีอุปกรณ์บางอย่างที่พกพาอยู่ อาทิโทรศัพท์มือถือ หรือ Security Token บางอย่าง กุญแจหรือเครดิตการ์ด เป็นต้น
- สิ่งที่คุณเป็น (What you are) หรือเอกลักษณ์เฉพาะตัว คุณสมบัติทางชีวมิติ (Biometrics) เช่น ลายนิ้วมือ รูปแบบเรตินา (retinal patterns) หรือใช้รูปแบบเสียง (voice patterns) เป็นต้น
Face ID กับ iPhone X
iPhone X ก็ได้นำเทคโนโลยีในการยืนยันตัวตนด้วย Biometrics Authentication นี้มาใช้เช่นกัน Biometrics เป็นลักษณะทางชีวภาพของแต่ละบุคคล เป็นลักษณะเฉพาะที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ การนำมาใช้ในยืนยันตัวตน จึงมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ลายนิ้วมือ เสียง ม่านตา ใบหน้า ควบคู่กับการใช้รหัสผ่านปกติ
ต่อจากการใช้ Touch ID หรือการสแกนนิ้วมือ ก็มาเป็น Face ID หรือ การสแกนใบหน้า โดยลักษณะการทำงานคือ ใช้กล้องหน้าที่เป็นแบบ True Depth บน iPhone X ฉายจุดเล็ก ๆ มากกกว่า 30,000 จุดไปที่ใบหน้าเป้าหมาย บวกกับ เซ็นเซอร์ Flood Illuminator เพื่อปล่อยแสงอินฟราเรดเพิ่มเข้าไป แก้ปัญหาการมองเห็นในที่มืด ดังนั้น การสแกนใบหน้าของ iPhone X เพื่อปลดล็อคไอโฟนจึงทำได้ในที่มีแสงน้อย หรือห้องที่ปิดไฟมืดสนิทนั่นเอง จากจุดเล็ก ๆ มากมายที่ฉายไปกระทบใบหน้านั้น ระบบจะทำการสร้างความตื้นลึกของใบหน้า และสร้างโครงสร้างสมมติแบบสามมิติของใบหน้านั้นขึ้นมา ดังนี้เอง เพียงรูปถ่ายหรือหน้ากากบาง ๆ จะไม่สามารถปลดล็อค iPhone X ได้
ขั้นสุดท้าย ก็คือ การตรวจสอบกับข้อมูลที่เคยบันทึกเป็นต้นฉบับไว้นั้น โดยส่งข้อมูลทั้งหมดไปที่ Secure Enclave ในชิป A11 Bionic ต่อไป ผสานกับเทคโนโลยี Machine learning และ Neural engine จึงทำให้ iPhone X จดจำใบหน้าของเรา และจะเรียนรู้การเปลี่ยนไปของใบหน้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่ว่าจะใส่หมวก ไว้หนวด ไว้เครา แต่งหน้า หรือใส่แว่นก็ยังสามารถปลดล็อคได้ โดยการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคจะทำได้เฉพาะตอนที่ “ลืมตาและตั้งใจมองหน้าจอเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม Face ID ยังคงมีข้อผิดพลาดอยู่บ้างในอัตรา 1:50,000 ในขณะที่ Touch ID นั้นอัตราความผิดพลาดอยู่ที่ 1:1,000,000 ทีเดียว สำหรับ iPhone X หากถือในแนวนอน แล้วทำการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค อาจทำให้อัตราความผิดพลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
อันที่จริง คงไม่มีเทคโนโลยีใดที่ไม่มีข้อผิดพลาด แม้แต่มนุษย์เรายังมีข้อผิดพลาดตั้งมากมาย ดังนั้น การจะสรุปว่า feature ไหนดี หรือ ไม่ดี เพียงเพราะข้อผิดพลาดนั้นคงไม่ใช่คำตอบที่ถูกนัก หากแต่เทคโนโลยี Face ID ถูกสร้างมาเพื่อความสะดวกที่มากขึ้นของผู้ใช้งาน ซึ่งถ้าดูจากอัตราผิดพลาดเมื่อเทียบกับ Touch ID แล้ว ก็ถือว่า น่าจะสะดวกมากขึ้นเลยทีเดียว
Category: โทรศัพท์มือถือ
Tags: Face ID, iPhone X, สแกนใบหน้า
เครดิตภาพ: https://goo.gl/T8ra7x