เทคโนโลยีในอนาคตหุ่นยนต์จะมาเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ ความเป็นจริงหรือเพียงแค่จินตนาการ?

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี ในอดีตหลายคนที่ได้ยินคำนี้คงจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ประกอบด้วยศาสตร์วิชาความรู้ชั้นสูงที่ไกลตัว เข้าไม่ถึง และไม่มีโอกาสที่จะมาเป็นสิ่งใกล้ตัวได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปด้วยวิวัฒนาการของการประดิษฐ์คิดค้นด้านศาสตร์สมัยใหม่และความเจริญก้าวหน้าของแขนงความรู้ด้านวิชาการ รวมถึงมันสมองของมนุษย์ทำให้เทคโนโลยีกลายมาเป็นสิ่งใกล้ตัวของทุกคนอย่างที่คาดไม่ถึง ที่ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุ หรือวัยไหนก็ล้วนมีสิ่งนี้เข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักในการใช้ชีวิต เรียกได้ว่าเป็นส่วนประกอบตั้งแต่ตื่นเช้ามาจนถึงเข้านอน หรือแม้แต่ตอนหลับอยู่มีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันทั้งสิ้น นอกจากชีวิตประจำวันปกติแล้ว เทคโนโลยียังเข้ามาเกี่ยวข้องในแวดวงธุรกิจ การเงิน การแพทย์ และแวดวงอุตสาหกรรมด้วย อีกทั้งในธุรกิจบางประเภทได้มีการนำมาใช้แทนแรงงานมนุษย์กันบ้างแล้ว เพราะมีความแม่นยำ แน่นอน และมีความผิดพลาดน้อยกว่านั่นเอง

การนำเทคโนโลยีมาใช้แทนมนุษย์นั้น ในอดีตอาจจะเป็นเพียงแค่ในภาพยนตร์เพ้อฝัน แต่ในความเป็นจริงความพยายามในการประดิษฐ์คิดค้นโดยเฉพาะหุ่นยนต์หรือโรบอทนั้นมีการศึกษาและค้นคว้ามาอย่างยาวนานในห้องแล็ปของบริษัทชั้นนำระดับโลกยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นในญี่ปุ่น หรือในสหรัฐอเมริกาที่ได้มีการแสดงและนำเสนอตัวอย่างออกมาให้ชาวโลกได้เห็นถึงความสามารถของเจ้าหุ่นยนต์เหล่านี้กันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของหุ่นยนต์ที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ หรือรถยนต์ที่สามารถสร้างให้ขับได้เองโดยระบบอัตโนมัติ โดยแนวทางการพัฒนานั้นเป็นไปในลักษณะของการให้หุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์ด้วยการใส่ซอฟต์แวร์เพื่อจดจำการเคลื่อนไหวอัตโนมัติแล้วตั้งโปรแกรมให้เกิดการทำซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้สามารถนำมาใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้ สอดคล้องกับความต้องการในการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการกำลัง และปริมาณการผลิตในปริมาณมาก จึงต้องการนำหุ่นยนต์มาใช้ในการทำงานแทนมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนในเรื่องค่าแรงการจ้างงานบุคลากร แต่เป็นการลงทุนในการซื้อและคิดค้นเทคโนโลยีแทน เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างดีเยี่ยม แต่ถึงอย่างไรก็ตามในช่วงแรกหุ่นยนต์คงไม่ได้ใช้ทดแทนการทำงานของมนุษย์ได้ 100% ซะทีเดียว คงต้องมีการริเริ่มและนำเอาเข้ามาใช้ควบคู่ไปกับแรงงานคนก่อน เพื่อหาข้อผิดพลาด และเพื่อพัฒนาให้การนำมาใช้ตรงตามความต้องการและมีประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้หลายคนคงจะคิดว่าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้มีผลกระทบกับตัวเองอยู่ดี เพราะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับอาชีพ หรือการทำงานลักษณะนี้ แต่อย่าลืมว่าเทคโนโลยีนั้นไม่ได้มาในลักษณะของรูปแบบที่จับต้องได้อย่างหุ่นยนต์เพียงแค่อย่างเดียวแต่ยังมาในรูปแบบที่แตกต่างและหลากหลายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ หากลองนั่งคิดและไตร่ตรองดูดีดี เทคโนโลยีได้เข้ามาทำงานแทนมนุษย์แล้วในทศวรรษที่ผ่านมาแต่หลายคนอาจจะมองข้ามไป ในด้านของธุรกิจการเงินการธนาคาร อย่างเช่น ตู้เอทีเอ็มเครื่องจักรที่มีการนำเอาระบบฝาก ถอน จ่าย เงินอัตโนมัติ มาใช้อำนวยความสะดวกแทนการที่เข้าไปติดต่อโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ของธนาคาร อีกทั้งความก้าวหน้าและพัฒนาก็มีความต่อเนื่องมากขึ้นไปอีก ตู้เอทีเอ็มถูกเข้ามาแทนที่ด้วยระบบธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำให้การจ่าย โอน เงินสามารถทำได้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และบนแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถืออย่างง่ายดาย แถมยังมีค่าธรรมเนียมที่ถูกว่าการไปทำธุรกรรมที่ธนาคารเสียด้วย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของการสื่อสารที่มีวิวัฒนาการมาไกลมากทั้งแบบมีสาย มาจนถึงเทคโนโลยีไร้สายที่ก้าวหน้าไปมากมายตอบโจทย์ความสะดวกสบายและความรวดเร็วกำจัดความยุ่งยากในการสื่อสารที่เคยมีในอดีตไปได้โดยสิ้นเชิง ซึ่งล้วนมีผลต่ออาชีพหรือลักษณะงานบางประเภทที่หลายคนลืมไปแล้ว ว่าอาชีพ และงานบางอย่างได้หายไปจากระบบธุรกิจเสียแล้วเนื่องด้วยมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่ามาทดแทน

เพราะฉะนั้นการปรับตัวและรู้เท่าทันนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในระบบนิเวศน์ของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในฐานะของผู้จ้างงาน หรือผู้ถูกว่าจ้าง ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะต้องใช้ระยะเวลาในการคิดค้นและพัฒนาที่ต้องทำการศึกษาค้นคว้าและทดลองอย่างมากมายก่อนที่จะนำมาใช้งานจริงได้ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไกลตัวอีกต่อไป ทั้งผู้ว่าจ้าง เจ้าของธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม ควรให้ความสำคัญในการศึกษาเทคโนโลยีเหล่านี้ในการนำมาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพราะหากไม่มีการเริ่มศึกษาเรื่องนี้แล้ว ต่อไปธุรกิจหรืออุตสาหกรรมของท่านต้องล้าหลังคู่แข่งอย่างแน่นอน สำหรับลูกจ้างก็เช่นกัน อย่าประมาทเด็ดขาดเพราะวันหนึ่งคุณอาจจะได้รับจดหมาย Layoff เนื่องจากบริษัทได้มีการนำเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์มาทำงานแทนคุณแล้วก็เป็นได้