ปฏิวัติธุรกิจความงามด้วย เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง

ธุรกิจความงาม ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตทางการตลาดที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ การศึกษาหรือฐานะทางสังคมเป็นอย่างไร ต่างก็ต้องการสิ่งที่จะมาช่วยพัฒนารูปร่าง หน้าตา ภาพลักษณ์ภายนอกของตนอยู่เสมอ ยิ่งในปัจจุบันที่ได้มีการคิดค้น เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง อย่าง AR (Augmented Reality) สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย จึงถือเป็นการเปิดประตูไปสู่ยุคสมัยใหม่ด้านอุตสาหกรรมธุรกิจความงาม ให้กลุ่มผู้บริโภคสามารถทดลองใช้สินค้าได้ด้วยตัวเองก่อนการใช้งานจริง

เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง เป็นเทคโนโลยีที่จะสร้างภาพจำลองขึ้นผ่านโปรแกรมออกมาในรูปแบบสามมิติ ซึ่งถือว่ากำลังได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะสามารถดึงดูดความสนใจให้แก่ทั้งกลุ่มผู้บริโภคและผู้ประกอบการเนื่องจากจะทำให้ผู้ซื้อได้ทำการทดลองก่อนตัดสินใจ และทำให้เจ้าของกิจการไม่จำเป็นที่จะต้องเสียงบประมาณในการจ้างพนักงานเป็นจำนวนมากเพื่อมาให้คำแนะนำลูกค้าอีกต่อไป และด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้ในระยะยาว ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงทุนซ้ำซ้อน แถมยังช่วยให้ผู้มาเข้าใช้บริการ ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในการมาเลือกซื้อสินค้าได้อย่างเพลิดเพลินอีกด้วย

จริงๆ แล้ว เทคโนโลยีดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นมาจากแนวคิดการสร้างแอปพลิเคชันเกี่ยวกับความงาม ที่มีให้ดาวน์โหลดใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันออกแบบทรงผม ทดลองแต่งหน้า หรือแม้กระทั่งการจัดเครื่องแต่งกาย ที่มักจะได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งาน ทำให้ทางกลุ่มผู้วิจัยและคิดค้นเทคโนโลยี ใช้ไอเดียจากเรื่องนี้ในการเอามาปรับปรุงและนำมาพัฒนาให้เกิดเป็น เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง ที่เอาไว้ใช้กับกลุ่มธุรกิจความงามขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยีดังกล่าว ยังจะมีส่วนสำคัญอย่างมากในอนาคตต่อการส่งเสริมการขาย และขยายธุรกิจของผู้ประกอบการ เพราะจะช่วยทำให้กลุ่มผู้สนใจผลิตภัณฑ์เกิดการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง จะช่วยในการวิเคราะห์สินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจในการเข้ารับการบริการมากที่สุด

และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ เทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนจริง ยังสามารถจดจำและเก็บสถิติการเข้าใช้บริการ เพื่อจัดความนิยมของผลิตภัณฑ์ เท่ากับว่ากลุ่มผู้ใช้บริการจะสามารถตามทันกระแสความนิยมในขณะนั้นได้ ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี ทำให้สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว เปรียบเสมือนมีเพื่อนคู่คิดให้กับลูกค้าที่จะคอยให้คำปรึกษาที่ดีและสร้างเสริมความมั่นใจให้แก่ผู้มาขอเข้ารับการบริการอย่างแน่นอน

                จากที่กล่าวมาทั้งหมด คาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีการนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วทุกมุมโลกอย่างแน่นอน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า และช่วยประหยัดเวลาในการตัดสินใจ แถมยังช่วยตัดปัญหาในเรื่องการให้บริการที่ไม่ดีของพนักงานในบางครั้งได้ เท่ากับว่าเราจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ และเพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ต้องกังวลไปกับการเดินตามหรือการกดดันจากพนักงานอีกต่อไป