กุญแจสู่ความสำเร็จของเจ้าพ่อแห่งวงการเทคโนโลยี อีลอน มัสก์

หากผู้ใดติดตามข่าวสารวงการเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิด น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ชายผู้อุทิศตัวเองเพื่อคิดค้นเทคโนโลยีที่จะช่วยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษยชาติ ชายที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของพลังงานสิ่งแวดล้อม ชายที่มีความใฝ่ฝันสูงสุดที่จะพาเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปตั้งรกรากถิ่นฐานใหม่ที่ดาวอังคาร ชายที่ชื่อ อีลอน มัสก์

อีลอน มัสก์ คือบุรุษผู้ก่อตั้งบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น  PayPal ,  SpaceX , Tesla ,
SolarCity , OpenAI , Neuralink  และ The Boring Company ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทผู้นำทางด้านเทคโนโลยีทั้งสิ้น อีกทั้ง
อีลอน มัสก์ ยังเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดระบบขนส่งความเร็วสูงอย่าง Hyperloop ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลายในขณะนี้

แล้วชายผู้นี้มีวิธีคิดอย่างไรที่พาตัวเองให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จในโลกของเทคโนโลยี

ผู้เชี่ยวชาญด้านการสังเกต

สิ่งที่หลายๆคนรู้เกี่ยวกับ อีลอน มัสก์ นั้น คือเขาเป็นนักอ่านและแสวงหาความรู้ตัวยง แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือ เขามักจะสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงานหรือด้านการใช้ชีวิต เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกๆวัน

โฟกัสให้ลึก

เชื่อหรือไม่ ในระหว่างที่ทำงาน เขาจะไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาขัดขวางหรือเบี่ยงเบนความสนใจไปจากงานที่ทำอยู่ แม้กระทั่งเสียงเตือนจากโทรศัพท์ เพราะเขาเชื่อว่า การโฟกัสกับงานอย่างจริงจังจะทำให้สามารถเปิดการรับรู้ทางความคิดได้อย่างเต็มที่ และจะทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด

หวงแหนเวลา

เวลาเป็นสิ่งที่ยุติธรรมมากที่สุดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าคุณจะมีพื้นฐานชีวิตอย่างไร ต่างก็มีเวลาในการชีวิตในแต่ละวันอย่างเท่าเทียมกัน อีลอน มัสก์ เองก็เชื่อเช่นนั้น โดยเขาจะใช้เวลาให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดอยู่เสมอ ทั้งการตอบอีเมลที่สั้น กระชับ ได้ใจความ การจัดประชุมวางแผนที่ต้องตรงประเด็น ไม่ยืดเยื้อ หรือแม้แต่ในเวลารับประทานอาหารที่เขามักจะใช้เวลาควบคู่ไปกับการทำงานที่ไม่ต้องใช้ความคิดมากนัก เช่น การนัดหมาย และอ่านรายงานข้อมูล เป็นต้น

กล้าล้มเหลว เพื่อเป้าหมายที่ชัดเจน

จริงๆแล้ว สิ่งที่เขามักจะย้ำอยู่เสมอแต่กลับไม่ค่อยถูกพูดถึงคือ ตัวเขาเองก็ล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ความล้มเหลวไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา มันกลับเป็นเหมือนการทำงานวิจัยและทดลอง เพื่อที่จะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งเขาไม่เคยกลัวความผิดพลาดในการตัดสินใจ เพราะอย่างน้อยที่สุด มันจะทำให้เขานำมาปรับปรุงพัฒนาแนวคิดเพื่อให้เกิดงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอยู่เสมอ

ถึงแม้หลายๆคนอาจมองชายที่ชื่อ อีลอน มัสก์ ว่าเป็นคนที่มีอีโก้สูง แต่สิ่งที่เขาได้ยึดถือมาตลอดคือ ความตั้งใจในการที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ทุกคนให้มีคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้น และสร้างความเท่าเทียมทางด้านเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกอย่างแท้จริง

ท่องเที่ยวในต่างประเทศหรือจะสู้ การท่องเที่ยวในอวกาศ

หากโลกยังไม่หยุดหมุนรอบตัวเอง มนุษย์ก็จะไม่หยุดคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นมาได้อยู่เสมอ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยมีใครคาดคิดแต่มันกำลังจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้ คือธุรกิจในแวดวงการท่องเที่ยวที่ไม่เพียงแต่จะพาคุณท่องเที่ยวในดินแดนต่างประเทศ แต่ตอนนี้ ได้เกิดแนวคิด การท่องเที่ยวในอวกาศ ขึ้นเป็นที่เรียบร้อย

บริษัทชั้นนำต่างๆของโลกมากมายกำลังให้ความสนใจในการลงทุนทำธุรกิจ การท่องเที่ยวในอวกาศ  ไม่ว่าจะเป็น
ทางบริษัท Blue Origin หรือ SpaceX ต่างก็มีความตั้งใจที่จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวไปในอวกาศนั้นเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องที่นักบินอวกาศเท่านั้นที่จะสามารถทำได้

Blue Origin เริ่มต้นแนวคิดจากความหลงใหลในเรื่องอวกาศ ของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอย่าง เจฟฟ์ เบโซส์ เจ้าของบริษัทชั้นนำอย่าง Amazon ที่ต้องการให้เกิด การท่องเที่ยวในอวกาศ เชิงพาณิชย์ โดยจะให้ผู้โดยสารได้สัมผัสประสบการณ์จากการนั่งจรวดขึ้นไปอยู่บนวงโคจรของโลก ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักบนอวกาศ สามารถลอยรอบอยู่บริเวณโดยรอบห้องโดยสาร และมองวิวทิวทัศน์บนอวกาศได้จากทั่วทุกมุม ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและนำผู้โดยสารลงมาสู่พื้นดินอย่างปลอดภัย

ในขณะที่ทางบริษัท SpaceX ที่นำโดยไอรอนแมนในโลกแห่งความจริงอย่าง อีลอน มัสก์ กลับต้องการทำสิ่งที่ล้ำยิ่งกว่านั้น คือการพาผู้โดยสารไปท่องเที่ยวที่ดาวดวงอื่น และมีเป้าหมายสูงสุดที่จะพาเผ่าพันธุ์มนุษย์ ขึ้นไปสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร โดยมีแนวคิดในการนำยานอวกาศที่สามารถรับผู้โดยสารได้กว่า 100 คน เดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวบนอวกาศ และจะเป็นการพาไปท่องเที่ยวบนดาวจริงๆ โดยที่วิธีการนี้อาจจะต้องใช้ทรัพยากรเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก แต่ทาง อีลอน มัสก์ ได้กล่าวไว้ว่า จะมีการสร้างสถานีสำหรับผลิตเชื้อเพลิงที่ไว้ให้พลังงานขึ้นบนดาวดวงต่างๆ เพื่อรองรับพลังงานไว้สำหรับเดินทางกลับสู่โลก

นอกจากนี้ ทางบริษัท SpaceX ยังได้วางแผนที่จะทำธุรกิจสำหรับเดินทางระหว่างประเทศ โดยจะมีจุดเชื่อมต่อในการเข้าสู่วงโคจรในอวกาศเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อร่นระยะทางในการเดินทางให้สั้นลง โดยหากแนวคิดนี้สำเร็จจะทำให้การเดินทางระหว่างประเทศใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงในการข้ามไปสู่อีกซีกโลกหนึ่ง

ยังมีบริษัทชั้นนำอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ต่างต้องการเข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจ การท่องเที่ยวในอวกาศ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการทางการตลาดสูงถึงกว่าสองพันล้านเหรียญสหรัฐฯ และอาจมีมูลค่าที่สูงมากไปกว่านี้ เพราะต้องไม่ลืมว่าการเดินทางไปสู่อวกาศ คือหนึ่งในความฝันที่มนุษย์ทุกคนต่างต้องการสัมผัสประสบการณ์นั้นสักครั้งในชีวิต และเชื่อว่าภายในไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า ตลาด การท่องเที่ยวในอวกาศ จะเป็นที่แพร่หลายอย่างมาก และจะเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงที่สุด เพราะตราบใดที่จักรวาลยังไม่มีขอบเขตที่สิ้นสุด มนุษย์ก็จะมีเป้าหมายในการท่องเที่ยวไปในอวกาศแบบไม่รู้จบ

การปฏิวัติครั้งใหญ่ของ Apple

จากบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาในโรงรถ จนถึงวันนี้แอปเปิ้ลได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆของวงการเทคโนโลยีเป็นที่เรียบร้อย โดยล่าสุดได้มีการจัดงานอีเว้นท์ใหญ่ขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อประกาศการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่จะปฏิวัติวงการเทคโนโลยีอีกครั้ง โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 โปรเจกต์ใหญ่ ดังนี้

Apple News+

ภายหลังการประกาศการอัพเกรด Apple News ให้กลายเป็น Apple News+ ได้สร้างกระแสให้เหล่าแฟนๆนิตยสารทั้งหลายต่างหันมาให้ความสนใจในทันที เนื่องจากได้มีการรวมเอานิตยสารชื่อดังต่างๆมากมายกว่า 300 เล่มมาไว้ใน
แอปพลิเคชันเดียว ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบนิตยสารแฟชั่น กีฬา เทคโนโลยี ก็มีพร้อมเสิร์ฟให้ผู้อ่านได้ทุกรูปแบบ แถมด้วยการนำเอาภาพเคลื่อนไหวมาเพิ่มลูกเล่นให้กับนิตยสาร หากใครนึกภาพไม่ออก ให้ลองนึกถึงหนังสือพิมพ์ในภาพยนตร์เรื่อง
แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีภาพเคลื่อนไหวให้รับชมขณะอ่านดูสิ ว่ามันน่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน

โดยทั้งหมดนี้จะอยู่ในค่าบริการรายเดือนเพียงแค่ 9.99 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อเดือน (ประมาณ 300 บาทไทย) แถมยังแชร์ค่าใช้บริการกับคนในบ้านหรือเพื่อนสนิทได้อีกด้วย

Apple Card

นี่คือก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทาง แอปเปิล ภายใต้การร่วมมือกับธนาคารในสหรัฐอเมริกา ที่ทางบริษัทจะเข้ามาให้บริการทางการเงิน ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบบัตรเครดิตและบัตรแบบดิจิตอล โดยมีจุดเด่นสำคัญอยู่ที่การไม่มีค่าธรรมเนียมในการใช้งานทั้งค่าธรรมเนียมการใช้งานรายปี หรือค่าธรรมเนียมการใช้งานในต่างประเทศ โดยตัวบัตรจะใช้ระบบการชำระเงิน Mastercard แถมทุกครั้งที่รูดจะได้เครดิตเงินคืนถึง 2-3% โดยจะไม่ใช่การนำแต้มสะสมไปแลกสินค้าหรือบริการเหมือนกับผู้ให้บริการทางการเงินรายอื่นๆ ซึ่งการขยับตัวครั้งนี้ของทางแอปเปิ้ลได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้กับวงการธุรกิจทางการเงินเป็นอย่างมาก

Apple Arcade

บริการเกมที่มีให้เล่นได้เฉพาะแพลตฟอร์มของแอปเปิ้ลเท่านั้น โดยผู้ใช้บริการจะต้องเสียค่าใช้จ่ายแบบรายเดือน แลกกับการสามารถโหลดเกมได้อย่างไม่จำกัด อีกทั้งยังไม่มีโฆษณามาคอยกวนใจ โดยทางแอปเปิ้ลได้รวบรวมเหล่าผู้ผลิตเกมชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลกมาสร้างเกมไว้ในมือคุณ เช่น  Bossa Studios, Cartoon Network, Konami, LEGO หรือ SEGA เป็นต้น โดยจะสามารถเล่นได้ทั้งระบบ IOS,  Mac หรือแม้กระทั่งบน  Apple TV


Apple TV
+

ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ของ Apple TV ที่ผู้ชมสามารถดูทีวีได้แบบที่ไม่มีโฆษณาคั่น โดยจะเป็นรายการหรือซีรีส์ของทางแอปเปิ้ลโดยเฉพาะรวมถึงยังมีรายการโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์อื่นๆให้สามารถรับชมได้หลากหลายผ่านทาง
Apple TV Channels ที่รวบรวมค่ายชั้นนำต่างประเทศไว้อย่างมากมายให้เลือกชมได้ในที่เดียวอย่าง HBO หรือ Showtime
เป็นต้น

เรียกได้ว่าจากการที่แอปเปิ้ลได้ทำการปรับทัพครั้งใหญ่นี้ ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้แก่วงการธุรกิจต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวงการนิตยสาร ทีวี เกม หรือแม้กระทั่งธุรกิจการเงิน ทำให้เกิดการจับตามองว่าการก้าวครั้งนี้ของทางแอปเปิ้ลจะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการธุรกิจได้มากน้อยเพียงใด

ปฏิวัติธุรกิจความงามด้วย เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง

ธุรกิจความงาม ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตทางการตลาดที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ การศึกษาหรือฐานะทางสังคมเป็นอย่างไร ต่างก็ต้องการสิ่งที่จะมาช่วยพัฒนารูปร่าง หน้าตา ภาพลักษณ์ภายนอกของตนอยู่เสมอ ยิ่งในปัจจุบันที่ได้มีการคิดค้น เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง อย่าง AR (Augmented Reality) สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย จึงถือเป็นการเปิดประตูไปสู่ยุคสมัยใหม่ด้านอุตสาหกรรมธุรกิจความงาม ให้กลุ่มผู้บริโภคสามารถทดลองใช้สินค้าได้ด้วยตัวเองก่อนการใช้งานจริง

เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง เป็นเทคโนโลยีที่จะสร้างภาพจำลองขึ้นผ่านโปรแกรมออกมาในรูปแบบสามมิติ ซึ่งถือว่ากำลังได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะสามารถดึงดูดความสนใจให้แก่ทั้งกลุ่มผู้บริโภคและผู้ประกอบการเนื่องจากจะทำให้ผู้ซื้อได้ทำการทดลองก่อนตัดสินใจ และทำให้เจ้าของกิจการไม่จำเป็นที่จะต้องเสียงบประมาณในการจ้างพนักงานเป็นจำนวนมากเพื่อมาให้คำแนะนำลูกค้าอีกต่อไป และด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้ในระยะยาว ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงทุนซ้ำซ้อน แถมยังช่วยให้ผู้มาเข้าใช้บริการ ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในการมาเลือกซื้อสินค้าได้อย่างเพลิดเพลินอีกด้วย

จริงๆ แล้ว เทคโนโลยีดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นมาจากแนวคิดการสร้างแอปพลิเคชันเกี่ยวกับความงาม ที่มีให้ดาวน์โหลดใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันออกแบบทรงผม ทดลองแต่งหน้า หรือแม้กระทั่งการจัดเครื่องแต่งกาย ที่มักจะได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งาน ทำให้ทางกลุ่มผู้วิจัยและคิดค้นเทคโนโลยี ใช้ไอเดียจากเรื่องนี้ในการเอามาปรับปรุงและนำมาพัฒนาให้เกิดเป็น เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง ที่เอาไว้ใช้กับกลุ่มธุรกิจความงามขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยีดังกล่าว ยังจะมีส่วนสำคัญอย่างมากในอนาคตต่อการส่งเสริมการขาย และขยายธุรกิจของผู้ประกอบการ เพราะจะช่วยทำให้กลุ่มผู้สนใจผลิตภัณฑ์เกิดการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เทคโนโลยีการสร้างภาพจำลองเสมือนจริง จะช่วยในการวิเคราะห์สินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจในการเข้ารับการบริการมากที่สุด

และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ เทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนจริง ยังสามารถจดจำและเก็บสถิติการเข้าใช้บริการ เพื่อจัดความนิยมของผลิตภัณฑ์ เท่ากับว่ากลุ่มผู้ใช้บริการจะสามารถตามทันกระแสความนิยมในขณะนั้นได้ ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี ทำให้สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว เปรียบเสมือนมีเพื่อนคู่คิดให้กับลูกค้าที่จะคอยให้คำปรึกษาที่ดีและสร้างเสริมความมั่นใจให้แก่ผู้มาขอเข้ารับการบริการอย่างแน่นอน

                จากที่กล่าวมาทั้งหมด คาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีการนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วทุกมุมโลกอย่างแน่นอน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า และช่วยประหยัดเวลาในการตัดสินใจ แถมยังช่วยตัดปัญหาในเรื่องการให้บริการที่ไม่ดีของพนักงานในบางครั้งได้ เท่ากับว่าเราจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ และเพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ต้องกังวลไปกับการเดินตามหรือการกดดันจากพนักงานอีกต่อไป