จากคนขับรถสู่ยุครถขับคน

เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะพบว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นอย่างมากมายทีเดียวไม่ว่าจะเกิดจากเจตนาก็ดี หรือเกิดจากความประมาทเลินเล่อก็ดี และในปีหนึ่งๆ จะมีผู้เสียชีวิตจาก
อุบัติเหตุรถยนตร์ในหลักแสนเลยทีเดียวสำหรับบางประเทศ (แน่นอนว่าก็ประเทศแถวๆ นี้ล่ะนะ) ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทเทสลามอเตอร์ (Tesla Motor) จึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ให้รถสามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยตัวเอง
อีลอน มัสค์ (Elon Musk) แห่งบริษัทเทสลามอเตอร์เชื่อว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนแทบทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ผู้ขับขี่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำการพัฒนาเทคโนโลยีซอฟท์แวร์สำหรับรถที่มีเรดาร์ในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และเมื่อ 14 ตุลาคม 2015 ทางบริษัทก็ได้ส่งซอฟท์แวร์พิเศษนี้ไปให้กับรถจำนวน 60,000 คันของบริษัทที่ได้ขายไป โดยเจ้าตัวซอฟท์แวร์นี้ได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า เทสลา เวอร์ชั่น 7.0 แต่ก็มีชื่อเล่นที่เรียกกันทั่วไปว่า ออโต้ไพลอท (Autopilot)
เทคโนโลยีเทสล่า 7.0 นี้มีระบบการทำงานที่คล้ายคลึงกับการทำงานของระบบออโต้ไพลอทในเครื่องบินอากาศยานต่างๆ คือมีการควบคุมความเร็ว การเปลี่ยนเลน การจอดเข้าซองรถ แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเป็นแบบ “อัตโนมัติ” คือไม่จำเป็นต้องควบคุมแต่อย่างใด แม้บางระบบจะเคยมีการพัฒนามาแล้วในรถยนตร์ยี่ห้ออื่นอย่างเมอร์เซเดสหรือบีเอ็มดับเบิลยู แต่ระบบนี้สามารถทำได้มากกว่านั้น โดยหลังจากที่ส่งซอฟท์แวร์นี้ไปก็ได้มีลูกค้าบางส่วนทำการฟีดแบ็คออกมาโดยการโพสต์คลิปวีดีโอที่พวกเขาใช้รถของตนที่มีระบบเทสล่า 7.0 โดยมีตั้งแต่การปล่อยมือบนทางหลวง การงีบหลับ การจิบกาแฟ การอ่านหนังสือพิมพ์ เรียกได้ว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรถไปเลย
จึงได้มีการทดลองขับรถที่มีเทคโนโลยีระบบออโต้ไพลอทนี้รอบๆ ลอส แองเจลิส เพื่อทดสอบความน่าตื่นตาตื่นใจของมัน ผลการทดลองปรากฏว่าก่อนจะเปิดระบบปฏิบัติการออโต้ไพลอทจะต้องมีการผ่านเงื่อนไขบางประการก่อน (อย่างกับปลดล็อคพลังอะไรสักอย่างในเกมเลยนะเนี่ย) โดยประกอบไปด้วยหนึ่งคือเลนที่วิ่งอยู่ต้องโล่ง ความเร็วต้องคงที่ รถรอบข้าง และแผนที่เส้นทางการขับขี่ เมื่อระบบปฏิบัติการได้สำเร็จเจ้ารถก็จะจัดการขับรถให้คุณเองโดยที่คุณไม่ต้องคอยหัวหมุนสับเกียร์ เปิดไฟ ลดความเร็ว เร่งความเร็ว หรือต้องมองกระจกข้างกระจกหลังอีกต่อไป ด้วยว่าเจ้าระบบนี้จะทำให้รถของคุณเป็นดุจรถเวทมนตร์ที่สามารถขับเคลื่อนและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง มีลูกค้าบางรายถึงกับบอกเลยว่าเจ้าเทคโนโลยีระบบนี้ขับรถดีกว่าที่เขาขับเองเสียอีก!
ด้วยระบบปฏิบัติการแบบนี้อาจหมายความว่าในอนาคตอุบัติเหตุที่จะเกิดบนท้องถนนก็อาจจะน้อยลง เพราะหากรถทุกคนมีเทคโนโลยีเช่นนี้อยู่ แต่ละคันก็จะมีการประมวลผลว่าควรใช้ความเร็วเท่าไหร่ ควรแซงหรือไม่ ควรเร่งความเร็วหรือเบรก เพราะการตัดสินใจด้วยวิจารณญาณของมนุษย์บนท้องถนนมักคาดเดาไม่ได้ เราไม่รู้เลยว่าวันไหนเราจะขับรถไปชนเขา หรือวันไหนอาจจะมีใครก็ไม่รู้ขับรถมาชนเรา ไม่ว่าจะเป็นความประมาท ความขาดสติ หรือเพราะอารมณ์ใดๆ ก็แล้วแต่ก็สามารถนำพาเราไปสู่อุบัติเหตุ ความสูญเสีย หรือกระทั่งความตายได้ทุกเมื่อ ฉะนั้นการฝากชีวิตไว้กับอะไรที่มีความแน่นอนอย่างเทคโนโลยีจึงดูจะเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก
มีความเป็นไปได้ที่ในอนาคตจะมีการพัฒนาระบบที่มีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยบนท้องถนนมากกว่าสิ่งที่เสนอไปในบทความนี้ เพราะโลกนี้มีการพัฒนาอยู่เสมอ ยิ่งมีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้น มนุษย์จะยิ่งหาทางพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้หมดไป ไม่แน่ว่าระบบการขับขี่ในอนาคตนั้นอาจก้าวไปสู่จุดที่ไม่จำเป็นต้องมีการผ่านเงื่อนไขแบบเจ้าเทสล่า 7.0 นี้ อาจจะเป็นแค่การเสียบกุญแจรถแล้วสามารถสั่งการด้วยเสียงได้ว่าให้ไปตรงนี้ๆ นะ ระวังอันนี้ๆ ด้วยนะ ว่าไปแล้วก็จะคล้ายกับระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ A.I. (Artificial Intelligent) ที่เราเรียกกันอย่างย่อจนติดปากนั่นเอง หรืออาจไปถึงขั้นที่ว่ารถอาจเกิดการหลอมรวมเทคโนโลยี (Technology Convergent) คือสามารถทำได้ทุกอย่างที่อย่างอื่นสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นท่องโลกอินเตอร์เน็ต ดูหนัง ฟังเพลง โหลดไฟล์ ฯลฯ ซึ่งหลายอย่างที่กล่าวมานี้ก็มีอยู่บ้างแล้วในรถบางรุ่นบางยี่ห้อ
สิ่งสุดท้ายที่เราควรพึงระลึกอยู่เสมอคือแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมากแค่ไหนแต่ปัญหาก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่ออยู่ดีเหมือนเงาตามตัวในทำนองเดียวกับเชื้อไวรัสที่มีการพัฒนาตัวเองเสมอๆ เพื่อต่อต้านยาขนานต่างๆ ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมา ในทางกลับกันอีกมุมหนึ่ง ยิ่งมีปัญหาเกิดขึ้นมากเท่าไหร่ในสังคม มนุษย์ก็จะยิ่งมีการพัฒนามากขึ้นเท่านั้น